16 สิงหาคม 2553
ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2553
วันที่ 16 สิงหาคม 2553
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานสำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสำหรับงวดสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2552
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานในงบการเงินรวม
สำหรับงวดสามเดือนและหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553 เปรียบเทียบกับงวดสามเดือน
และหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2552 ดังนี้
ผลการดำเนินงาน
ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จาก
งวดเดียวกันของปีก่อน เนื่อ งจากในช่วง 2 เดือนแรก มีรายได้เพิ่ มขึ้นร้อยละ 13 แต่นับตั้งแต่
เดือนมีนาคมจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมชะลอตัว
ลง โดยเฉพาะโรงแรม รอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง และโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ใกล้
สถานที่ชุมนุม ส่งผลให้ลูกค้าที่ได้สำรองการใช้บริการทั้งห้องพักและจัดเลี้ยงไว้ได้ขอยกเลิก
การใช้บริการ ทำให้ผลประกอบการของบริษัทเริ่มลดลง และเหตุการณ์ดังกล่าวทวีความรุนแรง
ขึ้นเป็นระยะๆ ในวันที่ 13 พฤษภาคม 2553 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ถูกยิงด้วยอาวุธสงคราม
เข้าที่ตัวอาคารโรงแรมด้านห้องพักและบริเวณรอบนอกอาคารชั้นล่าง รวมทั้งอาคารพาณิชย์ดุ
สินธานี ทำให้ต้องปิดการดำเนินการเป็นการชั่วคราว ซึ่งทำให้บริษัทสูญเสียรายได้ในระยะเวลา
ดังกล่าวประมาณ 97 ล้านบาท และความเสียหายในทรัพย์สินคิดเป็นเงินประมาณ 19 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทได้ทำประกันการก่อการร้าย (Terrorist) ในวงเงิน 1,400 ล้านบาทไว้แล้ว บริษัท
ได้แจ้งค่าเสียหายดังกล่าวกับบริษัทประกันภัยไปแล้ว แต่ยังไม่ทราบผลว่าบริษัทประกันจะชดเชย
ให้ในจำนวนเงินเท่าใด
เหตุการณ์ดังกล่าวมีผลทำให้ผลประกอบการของบริษัทสำหรับไตรมาสที่ 2 ปีนี้ลดลง
จากปีก่อนโดยบริษัทมี รายได้รวมจำนวน 580.47 ล้ นบาท ลดลงจากงวดเดียวกั นของปีก่อน
ร้อยละ 7 และมีขาดทุนสุทธิจำนวน 160.63 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี
ก่อนจำนวน 67.99 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 73 เมื่อหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 3.84
ล้านบาทแล้ว มีขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 156.79 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น
จากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 66.70 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 74
ผลประกอบการของบริษัทสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2553 มีรายได้
รวมจำนวน 1,446.00 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 0.77 และมีขาดทุน
สุทธิจำนวน 78.75 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 11.56 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 17 เมื่อหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 1.86 ล้านบาทแล้ว มีขาดทุนสุทธิ
ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 76.89 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 9.92 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15
รายละเอียดของผลประกอบการประกอบด้วย
1. รายได้จากการขายและการให้บริการ
บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้ บริการจำนวน 1,321.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
งวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 18.85 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1 ประกอบด้วยรายได้จาก
โรงแรมในกลุ่มดุสิตธานี ลดลง 15.32 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2 ซึ่งปัจจัยหลักเป็นรายได้จาก
-1-
โรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพลดลง 54.85 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 กลุ่ม ดุสิตปริ๊นเซสลดลง
4.04 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2 ดุสิตดีทูลดลง 4.84 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15 ดุสิตธานี
มะนิลา เพิ่มขึ้น 33.76 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11 และรายได้จากธุรกิจอาคารพาณิชย์ให้เช่า
ธุรกิจสปา การศึกษา ฝึกอบรม และอื่นๆ เพิ่มขึ้น 9.29 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15
2. ต้นทุนขายและการให้บริการ
บริษัทมีต้นทุนขายและการให้บริการรวมจำนวน 1,013.43 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 77
ของรายได้จากการขายและการให้บริการ มีอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี
ก่อนที่มีจำนวน 982.87 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 75 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
หลังหักต้นทุนขายและการให้บริการแล้ว มีกำไรขั้นต้นจำนวน 308.18 ล้านบาท คิดเป็น
ร้อยละ 23 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มี
จำนวน 319.89 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
3. รายได้อื่น
บริษัทมีรายได้อื่นๆ จำนวน 124.39 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน
7.79 ล้านบาท ประกอบด้วย
- รายได้ค่าบริหารงานจำนวน 39.77 ล้านบาท ลดลง 9.73 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20
สืบเนื่องจากเหตุวิกฤตเศรษฐกิจการเงินในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ
โรงแรมในประเทศดังกล่าว และปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ ทำให้โรงแรมที่บริษัท
รับจ้างบริหารทั้งในและต่างประเทศมีรายได้ลดลง รายได้ค่าบริหารจึงลดลงเช่นกัน
- รายได้อื่น ๆ ได้แก่ ดอกเบี้ยรับ เงินปันผล และอื่นๆ รวมจำนวน 84.62 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1.94 ล้านบาท
4. ค่าใช้จ่ายในการขาย
บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และ
การโฆษณาประชาสัมพันธ์ จำนวน 145.56 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน
8.67 ล้านบาท หรือร้อยละ 6
5. ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 274.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี
ก่อนจำนวน 23.82 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 ส่วนใหญ่เกิดจาก ค่าเช่าที่ดินและอาคารโรงแรม
และค่าเครื่องหมายการค้าของกิจการร่วมค้าซึ่งคำนวณจากรายได้ และค่าที่ปรึกษาโครงการ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีนโยบายบริหารค่าใช้จ่ายอย่างระมัดระวังต่อเนื่องจากปีก่อน
6. ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
บริษัทมีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขายและการบริหาร
จำนวน 26.92 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 1.71 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
6 เนื่องจากทรัพย์สินบางรายการได้ตัดค่าเสื่อมราคาจนหมดอายุการใช้งานแล้ว
7. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน
บริษัทมีค่าใช้จ่ายทางการเงิน คือ ดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 19.15 ล้านบาท ลดลงจากงวด
เดียวกันของปีก่อนจำนวน 9.31 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 33 ดอกเบี้ยดังกล่าวจ่ายให้สถาบัน
การเงินสำหรับเงินกู้ยืมที่บริษัทและบริษัทย่อยกู้ยืมมาเพื่อปรับปรุงตกแต่งโรงแรม ทั้งนี้บริษัท
และบริษัทย่อยมีการจ่ายคืนเงินกู้ที่ครบกำหนดและก่อนกำหนดในระหว่างงวด จึงทำให้ดอกเบี้ย
จ่ายลดลง
-2-
ฐานะการเงิน
งบดุลรวมของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 สินทรัพย์รวม มีจำนวน
5,249.18 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 จำนวน 357.87 ล้านบาท ส่วนใหญ่
เกิดจากสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน คืออาคารและอุปกรณ์ มีมูลค่าลดลงด้วยค่าเสื่อมราคา และค่า
เช่าที่ดินและอาคารจ่ายล่วงหน้า ส่วนที่เกินหนึ่งปี-สุทธิ มีการตัดจำหน่ายตามระยะเวลาเช่า
ในขณะที่มีการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวในระหว่างงวด ทำให้หนี้สินรวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน
2553 มีจำนวน 1,320.31 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 จำนวน 264.55 ล้าน
บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2553 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0.36 ต่อ 1
นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรจำนวน 1,083.14 ล้านบาท และมีมูลค่าตาม
บัญชี (Book Value) เท่ากับ 43.98 บาทต่อหุ้น
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นางสินี เธียรประสิทธิ์)
เลขานุการบริษัท
-3-