02 มีนาคม 2553
ชี้แจงผลการดำเนินงานประจำปี 2552
วันที่ 2 มีนาคม 2553
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2551
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่
31 ธันวาคม 2552 เปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551
ที่ปรากฏในงบกำไรขาดทุนรวม ดังนี้
ผลการดำเนินงาน
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนสุทธิรวม
114.58 ล้านบาท หักปันส่วนขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 6.62 ล้าน
บาท เหลือขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 107.97 ล้านบาท ลดลงจากงวด
เดียวกันของปีก่อนจำนวน 324.59 ล้านบาท ผลขาดทุนสุทธิรวมจำนวน 114.58 ล้านบาท
ดังกล่าวได้รวมผลขาดทุนจากการด้อยค่าของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์จำนวน 61.60 ล้าน
บาท หากไม่รวมผลขาดทุนจากการด้อยค่าดังกล่าว บริษัทจะมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน
52.98 ล้านบาท จากการประเมินมูลค่าตามวิธีกระแสเงินสดส่วนลดของโรงแรมภายใต้
บริษัทและบริษัทย่อยทั้งหมด 9 แห่ง ปรากฏว่ามีเพียง 2 โรงแรม คือโรงแรมดุสิตดีทู
เชียงใหม่ และโรงแรมดุสิตปริ๊นเซส โคราช ที่มีมูลค่าประเมินน้อยกว่ามูลค่าตามบัญชี
จำนวน 57.44 ล้านบาท และ 4.16 ล้านบาท ตามลำดับ ตามมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 36
(ปรับปรุง 2550) เรื่องการด้อยค่าของสินทรัพย์ บริษัทจึงบันทึกเฉพาะโรงแรมที่มีการด้อย
ค่าเป็นค่าใช้จ่ายในปีนี้ โรงแรมทั้งสองแห่งมีการด้อยค่าเนื่องจากตั้งอยู่ในเมืองที่มีการ
แข่งขันสูงทำให้ราคาห้องพักต่ำ ประกอบกับสภาวะการท่องเที่ยวที่ถดถอยลง โดยเฉพาะที่
จังหวัดเชียงใหม่ที่มีจำนวนห้องพักเพิ่มขึ้นสูงในช่วง 2-3 ปี ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยว
ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในการดำเนินงานปีนี้บริษัทมีผลประกอบการขาดทุน 52.98 ล้านบาท เมื่อ
เปรียบเทียบกับปี 2551 โดยไม่รวมกำไรจากการขายที่ดินบริษัทมีกำไรเท่ากับ 56.23 ล้าน
บาท การที่ผลประกอบการลดลงเกิดจากปัจจัยหลักได้แก่ปัญหาการเมืองในประเทศตั้งแต่
ปลายปี 2551 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลก และ
รวมถึงผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ปัจจัยดังกล่าวส่งผล
ให้ธุรกิจการท่องเที่ยวทรุดตัวลง ในขณะที่ห้องพักโรงแรมเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์มีจำนวน
เพิ่มขึ้น ทำให้มีการใช้กลยุทธ์เรื่องราคามาแข่งขัน บริษัทจึงจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์
การส่งเสริมการขายด้วยวิธีการต่างๆ ทำให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่สาม
รวมทั้งการใช้กลยุทธ์การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะธุรกิจที่
ถดถอย แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างกำไรทั้งปีให้บริษัทได้ สำหรับรายได้จากการรับบริหาร
โรงแรมภายในประเทศลดลงเนื่องจากโรงแรมที่รับบริหารได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับบริษัท
ส่วนรายได้รับบริหารในต่างประเทศ ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบลดลง เกิดจากธุรกิจ
โรงแรมในประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรสต์ กำลังถดถอยลง จนถึงไตรมาสที่ 4 ของปี 2552
ผลประกอบการสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2552 เปรียบเทียบกับปีก่อน
ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้
-1-
1. รายได้จากการขายและการให้บริการ
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และการให้บริการจำนวน 2,777.38 ล้าน
บาท ประกอบด้วยรายได้จากกิจการโรงแรม 2,641.67 ล้านบาท และรายได้จากกิจการอื่นๆ
อีก 135.71 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 419.74
ล้านบาท คิดป็นร้อยละ 13 เกิดจากรายได้จากกิจการโรงแรมลดลงจำนวน 420.15 ล้าน
บาท เกิดจากปัญหาการเมืองตั้งแต่ปลายปี 2551
2. ต้นทุนขายและการให้บริการ
บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขายและการให้บริการจำนวน 1,527.71 ล้านบาท คิด
เป็นร้อยละ 55 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกัน
ของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 1,698.69 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 53 ของรายได้จากการขายและ
การให้บริการ ต้นทุนขายและบริการมีจำนวนลดลงแต่อัตราส่วนเมื่อเทียบกับรายได้แล้ว
สูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนลดลงในอัตราส่วนที่น้อยกว่ารายได้ที่ลดลง ทั้งนี้เพราะต้นทุน
ดังกล่าวมีทั้งต้นทุนผันแปรและต้นทุนคงที่ โดยต้นทุนคงที่ส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ
พนักงานซึ่งไม่สามารถลดลงได้มากนัก
หลังหักต้นทุนขายและการให้บริการแล้วมีกำไรขั้นต้นจำนวน 1,249.67 ล้านบาทคิด
เป็นร้อยละ 45 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งมี
จำนวน 1,498.43 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 47 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
3. รายได้อื่น บริษัทมีรายได้อื่นๆ จำนวน 273.25 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกัน
ปีก่อน 257.41 ล้านบาท ประกอบด้วย
- รายได้ค่าบริหารงาน
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้ค่าบริหารงานจำนวน 87.12 ล้านบาท ลดลง 28.46
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25 รายได้ที่ลดลงเป็นรายได้จากการรับบริหารโรงแรมในประเทศ
ลดลงร้อยละ 10 และโรงแรมที่รับบริหารต่างประเทศลดลงร้อยละ 34 ซึ่งปัจจัยหลักเกิดจาก
ธุรกิจโรงแรมในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ แต่ปี 2552 บริษัทมีรายได้จากการรับบริหาร
เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เพิ่มขึ้นอีก
1 แห่งคือ Dusit Residence, Dubai Marina ซึ่งเปิดดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน 2551
- รายได้อื่นๆ
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่นๆ ได้แก่ดอกเบี้ยรับ เงินปันผล และรายได้อื่นๆ รวม
จำนวน 186.12 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหากไม่รวมกำไรจากการขายที่ดิน
จำนวน 243.09 ล้านบาทบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 14.14 ล้านบาท
4. ค่าใช้จ่ายในการขาย
บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด การ
ส่งเสริมการขาย และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้นจำนวน 325.86 ล้านบาท คิดเป็น
ร้อยละ 12 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 24.58 ล้านบาท หรือร้อยละ 8 ทั้งนี้แม้รายได้จากการขายและการให้บริการจะลดลง
แต่บริษัทยังมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างยอดขาย
ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
5. ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหาร ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 120.06
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19 เนื่องจากบริษัทลดค่าใช้จ่ายคงที่ที่เกี่ยวกับพนักงานส่วนหนึ่ง
และลดค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าที่ปรึกษาการลงทุนสำหรับโครงการในอนาคตลง
6. ขาดทุนจากการด้อยค่าของที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
บริษัทและบริษัทย่อยมีการพิจารณาค่าเผื่อการด้อยค่าของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์
ของโรงแรม โดยผู้ประเมินอิสระได้ประมาณมูลค่าที่คาดว่าจะได้รับเปรียบเทียบกับมูลค่าจาก
การใช้สินทรัพย์ สำหรับปี 2552 ขาดทุนจากการด้อยค่าของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ มี
จำนวน 61.60 ล้านบาท
7. ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
เนื่องจากทรัพย์สินบางรายการได้ตัดค่าเสื่อมราคาจนหมดอายุการใช้งานแล้ว ทำให้
ค่าเสื่อมราคารวมลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 27.91 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5
-2-
8. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน
บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายทางการเงิน คือ ดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 51.77 ล้าน
บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 20.43 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 28 ซึ่งเป็น
ดอกเบี้ยจ่ายให้สถาบันการเงินสำหรับเงินกู้ยืมที่บริษัทและบริษัทย่อยกู้ยืมมา เพื่อปรับปรุง
ตกแต่งโรงแรม ในระหว่างปีที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง และบริษัทและบริษัทย่อยมี
การจ่ายคืนเงินกู้บางส่วน จึงทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง
ฐานะการเงิน
งบดุลรวมของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 สินทรัพย์รวม มี
จำนวน 5,607.05 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 จำนวน 333.15 ล้าน
บาท ส่วนใหญ่เกิดจากสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน คืออาคารและอุปกรณ์ มีมูลค่าลดลงด้วยค่า
เสื่อมราคา และค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ และค่าเช่าที่ดินและอาคารจ่ายล่วงหน้าส่วน
ที่เกินหนึ่งปี-สุทธิ ลดลงด้วยการตัดจำหน่ายตามระยะเวลาเช่า ในขณะที่มีการชำระคืนเงิน
กู้ยืมระยะยาวในระหว่างงวด ทำให้หนี้สินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 มีจำนวน
1,584.86 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 จำนวน 219.80 ล้านบาท
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 คือ 0.42 ต่อ 1
นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรจำนวน 1,202.53 ล้านบาท และมี
มูลค่าตามบัญชี (Book Value) เท่ากับ 45.05 บาทต่อหุ้น
คำอธิบายเพิ่มเติม
ตามที่กล่าวในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 2.6 เรื่องมาตรฐานการบัญชี ผู้บริหาร
ของบริษัทได้ประเมินและเห็นว่าการปรับปรุงมาตรฐานการบัญชีไทยดังกล่าวไม่มีผลกระทบ
อย่างเป็นสาระสำคัญต่องบการเงินที่นำเสนอ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นางสินี เธียรประสิทธิ์)
เลขานุการบริษัท
-3-