15 สิงหาคม 2551
รายงานผลการดำเนินงาน 30 มิ.ย. 2551 เปรียบเทียบ 2550
วันที่ 14 สิงหาคม 2551
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2550
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนและ
หกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 เปรียบเทียบกับงวดสามเดือนและหกเดือนสิ้นสุดวันที่
30 มิถุนายน 2550 ที่ปรากฏในงบกำไรขาดทุนรวม ซึ่งได้นำเสนองบการเงินตามมาตรฐานการบัญชี
ไทยฉบับที่ 35โดยสภาวิชาชีพบัญชีไทย ดังนี้
ผลการดำเนินงาน
สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิ
จำนวน 131.55 ล้านบาทหักปันส่วนกำไรสุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 2.84 ล้านบาท
เหลือเป็นกำไรสุทธิของบริษัทจำนวน 128.71 ล้านบาท (เพิ่มขี้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน
172.73 ล้านบาท) เกิดจากผลการดำเนินงานขาดทุนจำนวน 28.12 ล้านบาท และกำไรจาก
การขายที่ดินหลังหักค่าใช้จ่ายและภาษีเงินได้แล้ว จำนวน 156.83 ล้านบาท
สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน
242.51 ล้านบาท หักปันส่วนกำไรสุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 7.64 ล้านบาท เหลือ
เป็นกำไรสุทธิของบริษัทจำนวน 234.87 ล้านบาท (เพิ่มขี้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 144.62
ล้านบาท) เกิดจากกำไรสุทธิจำนวน 78.04 ล้านบาท และกำไรจากการขายที่ดินหลังหักค่าใช้จ่ายและ
ภาษีเงินได้แล้ว จำนวน 156.83 ล้านบาท ประกอบด้วย
1. รายได้จากการขายและการให้บริการ
สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 มีรายได้จากการขายและการให้บริการ
เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 205.45 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14 เกิดจากโรงแรมทุกแห่ง
ในเครือมีการปรับปรุงตกแต่งแล้วเสร็จ ส่งผลให้มีรายได้จากกิจการโรงแรมเพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่มาจาก
โรงแรม 2 แห่งได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี มะนิลา ที่ประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น 92 ล้านบาทและ
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ 51 ล้านบาท
2. รายได้ค่าบริหารงาน
สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 มีรายได้ค่าบริหารงานเพิ่มขึ้นจากงวด
เดียวกันของปีก่อนจำนวน 6.14 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10 เกิดจากบริษัทมีนโยบายการดำเนินธุรกิจ
เชิงรุก โดยมุ่งเน้นการเพิ่มจำนวนโรงแรมที่รับบริหารให้มากขึ้น เพื่อสามารถลดค่าใช้จ่ายในอนาคต
นับตั้งแต่ปี 2550 ได้ขยายฐานการรับบริหารทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย
ค่าบริการทางเทคนิคจาก โครงการที่ New Cairo, Egypt ดิ เอธเฮเวน พังงา และ ดุสิตดีทู สมุย
และค่ารับบริหารเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ที่ดูไบประเทศสหรัฐอาหรับอิมิเรสต์
3. กำไรจากการขายที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์
ในเดือนพฤษภาคม 2551 บริษัทได้ขายที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มีกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย
และภาษีเงินได้แล้ว จำนวน 156.83 ล้านบาท
4. ดอกเบี้ยรับ
สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 มีดอกเบี้ยรับลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 4.69 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 61 เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยทยอยจ่ายคืนเงินกู้ และใช้
เงินในการปรับปรุงตกแต่งโรงแรม ทำให้เหลือเงินฝากสถาบันการเงิน ลดลง ดอกเบี้ยรับจึงลดลง
5. ต้นทุนขายและการให้บริการ
บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขายและการให้บริการ จำนวน 847.54 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51
ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีต้นทุนขายและ
การให้บริการจำนวน 763.11 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
6. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
สืบเนื่องจากการสร้างเครื่องหมายการค้าใหม่ (Re-branding) เพื่อสร้างความชัดเจนในธุรกิจ
รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างการบริหารงานเพื่อรองรับการขยายกิจการในอนาคต ทำให้ในปี 2550
บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์เครื่องหมายการค้าใหม่ ค่าใช้จ่ายในการ
ปรับปรุงและพัฒนาระบบการจองห้องพักส่วนกลาง การลงทุนพัฒนา และการว่าจ้างบุคลากรเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบริษัท เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต จำกัด ซึ่งประกอบกิจการโรงเรียน
สอนทำอาหารที่จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2549 และเปิดสอนตั้งแต่ สิงหาคม 2550 จากปัจจัย
ดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 493.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
งวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 79.40 ล้านบาท
7. ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
หลังการปรับปรุงตกแต่งโรงแรมในกลุ่มดุสิต กลุ่มรอยัล ปริ๊นเซส แล้วเสร็จได้เริ่มทะยอยตัด
ค่าเสื่อมราคา ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าเสื่อมราคาสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน
2551 จำนวน 298.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 56.45 ล้านบาทคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 จาก
งวดเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 242.48 ล้านบาท
8. ดอกเบี้ยจ่าย
บริษัทและบริษัทย่อยมีดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 37.27 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 8.86 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 19 ซึ่งเป็นดอกเบี้ยจ่ายให้สถาบันการเงินสำหรับเงินกู้ยืมที่บริษัท
และบริษัทย่อยกู้ยืมมา เพื่อปรับปรุงตกแต่งโรงแรม ในระหว่างปีที่ผ่านมาบริษัทและบริษัทย่อย มีการ
จ่ายคืนเงินกู้บางส่วน จึงทำให้มีดอกเบี้ยจ่ายลดลง
9. ภาษีเงินได้
งบการเงินงวดสามเดือนและหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 บริษัทคำนวณภาษีเงินได้
ในอัตราร้อยละ 30
ฐานะการเงิน
งบดุลรวมของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 สินทรัพย์รวม มีจำนวน
6,148,33 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 จำนวน 366.89 ล้านบาท ส่วนใหญ่
เกิดจากสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน คือที่ดิน อาคารและอุปกรณ์-สุทธิ ซึ่งมีค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น และค่าเช่าที่ดิน
และอาคารจ่ายล่วงหน้าส่วนที่เกินหนึ่งปี-สุทธิ มีการตัดจำหน่ายตามระยะเวลาเช่า จึงทำให้มูลค่าทรัพย์สิน
ดังกล่าวลดลง ในขณะที่มีการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวในระหว่างงวด ทำให้หนี้สินรวม ณ วันที่
30 มิถุนายน 2551 มีจำนวน 1,861.36 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 จำนวน
540.12 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30มิถุนายน 2551 คือ 0.46 ต่อ 1
นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรจำนวน 1,413.74 ล้านบาท และมีมูลค่าตามบัญชี
(Book Value) เท่ากับ 48 บาทต่อหุ้น
คำอธิบายเพิ่มเติม
ตามที่มีมาตรฐานการบัญชีฉบับใหม่ และมาตรฐานการบัญชีที่มีการแก้ไขโดยสภาวิชาชีพบัญชีไทย
มีผลบังคับใช้กับงบการเงินที่มีรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2551 ตามหมายเหตุ
ประกอบงบการเงินข้อ 1.10 ผู้บริหารของบริษัทได้ประเมินและเห็นว่าการปรับปรุงมาตรฐาน
การบัญชีไทยดังกล่าวไม่มีผลกระทบอย่างป็นสาระสำคัญต่องบการเงินที่นำเสนอ เว้นแต่มาตรฐานการ
บัญชีไทยฉบับที่ 35 เรื่องการนำเสนองบการเงิน ซึ่งมีผลต่อการนำเสนองบการเงินในส่วนของผู้ถือหุ้น
ส่วนน้อย และการเปิดเผยข้อมูลอื่นตามที่ได้กล่าวไว้ในงบการเงินงวดสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2551
หมายเหตุข้อ 2
นอกจากนี้ ตามที่กล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 23 ตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วย
การลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 475) ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2551 กำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้แก่บริษัท
จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
สำหรับกำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300 ล้านบาท ให้จัดเก็บในอัตราร้อยละ 25 เป็นเวลาสามรอบ
ระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน นับตั้งแต่รอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2551
ผลกระทบของอัตราภาษีเงินได้ดังกล่าวยังไม่ได้สะท้อนในงบการเงิน ประมาณการผลกระทบ
ทางการเงินหากบริษัทมีการใช้อัตราภาษีใหม่จะทำให้
สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุด สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุด
วันที่ 30 มิถุนายน 2551 วันที่ 30 มิถุนายน 2551
ภาษีเงินได้ลดลง (8.37) ล้านบาท (15.00) ล้านบาท
กำไรสุทธิสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 8.37 ล้านบาท 15.00 ล้านบาท
กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.10 บาทต่อหุ้น 0.18 บาทต่อหุ้น
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(สินี เธียรประสิทธิ์)
กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ