30 มิถุนายน 2549
การกำหนดให้หลักทรัพย์ทำการซื้อขายในระบบ Call Market
การกำหนดให้หลักทรัพย์ทำการซื้อขายในระบบการจับคู่ในช่วงเวลา (Call Market)
ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ว่าด้วยการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน
ได้กำหนดคุณสมบัติการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยว่า บริษัทจดทะเบียนต้อง
มีจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อยไม่น้อยกว่า 150 ราย และผู้ถือหุ้นรายย่อยถือหุ้นรวมกัน
ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของทุนชำระแล้วของบริษัท โดยพิจารณาจากรายชื่อผู้ถือหุ้น
ณ วันประชุมสามัญประจำปีของบริษัท และในกรณีที่บริษัทจดทะเบียนรายใดมีคุณสมบัติ
ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ก็จะให้เวลาแก่บริษัทอีก 1 ปีในการดำเนิน
การแก้ไขคุณสมบัติให้ครบถ้วน อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บริษัทยังไม่สามารถดำเนินการได้
ภายในระยะเวลาดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ก็จะพิจารณาให้หลักทรัพย์ของบริษัทซื้อขาย
ในระบบจับคู่ในช่วงเวลา (Call Market)
เนื่องจากมีบริษัทจดทะเบียนจำนวน 5 บริษัทที่มีคุณสมบัติด้านการกระจายของผู้ถือหุ้น
รายย่อยไม่ครบถ้วนตามข้อกำหนดติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์จึงเห็น
สมควรกำหนดให้หุ้นสามัญและหลักทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียนดังกล่าวทำการซื้อขาย
ในระบบการจับคู่ในช่วงเวลา (Call Market) จนกว่าบริษัทจะมีคุณสมบัติด้านการกระจาย
การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนด ดังนี้
1. กำหนดให้หุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียน 3 บริษัท ทำการซื้อขายในระบบการจับคู่
ในช่วงเวลา (Call Market) โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2549 เป็นต้นไป คือ
1.1 บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) (SVH)
1.2 บริษัท เทพธานีกรีฑา จำกัด (มหาชน) (CSR)
1.3 บริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (PAE) อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก PAE
อยู่ระหว่างแก้ไขเหตุเพิกถอน จึงถูกสั่งพักการซื้อขาย (SP) ไว้
2. ผ่อนผันระยะเวลาการย้ายเข้า Call Market 2 บริษัท คือ
2.1 กำหนดให้หุ้นสามัญของบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (DTC) ทำการซื้อขาย
ใน Call Market โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 เป็นต้นไป หากบริษัท
ไม่สามารถแก้ไขคุณสมบัติได้ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2549
2.2 กำหนดให้หุ้นสามัญของบริษัท สว่างเอ็กซ์ปอร์ต จำกัด (มหาชน) (SAWANG)
ทำการซื้อขายใน Call Market โดยเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2549 เป็นต้นไป
หากบริษัทไม่สามารถแก้ไขคุณสมบัติได้ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2549
รายชื่อ การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย
จำนวนราย %
2548 2549 2548 2549
1. บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) (SVH) 1,082 1,065 7.04 7.04
2. บริษัท เทพธานีกรีฑา จำกัด (มหาชน) (CSR) 389 383 14.93 14.83
3. บริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (PAE) 223 250 3.57 4.45
4. บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) (DTC) 1,057 1,018 9.33 14.76
5. บริษัท สว่างเอ็กซ์ปอร์ต จำกัด (มหาชน) (SAWANG) 369 350 9.59 9.57
อนึ่ง Call Market หมายถึงวิธีการซื้อขายที่ระบบจะจับคู่คำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์โดยอัตโนมัติ
ในคราวเดียวณ ราคาเดียว (Single Price Auction) ซึ่งนักลงทุนยังคงสามารถส่งคำสั่งซื้อขาย
หลักทรัพย์ดังกล่าวได้เช่นเดียวกับการซื้อขายหลักทรัพย์อื่นตามปกติ เพียงแต่ระบบจะจับคู่
คำสั่งซื้อขายใน 3 ช่วงเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น คือ
- ช่วงการสุ่มเวลาเปิดเช้า (9.55 - 10.00)
- ช่วงการสุ่มเวลาเปิดบ่าย (14.25 - 14.30)
- ช่วงการสุ่มเวลาปิด (16.35 - 16.40)
ทั้งนี้การเรียงลำดับคำสั่งซื้อขายยังคงใช้หลักการเช่นเดียวกับการซื้อขายในกรณีปกติ
คือการเรียงตามลำดับราคาและเวลาของคำสั่งซื้อหรือขายที่ดีที่สุด (Price and Time Priority)
โดยหลักทรัพย์ที่ซื้อขายใน Call Market ยังคงอยู่ในหมวดอุตสาหกรรมเดิมและมีเครื่องหมาย
"CM" เพื่อแสดงว่าเป็นหลักทรัพย์ที่ใช้ระบบ Call Market
ฝ่ายกำกับบริษัทจดทะเบียน