13 พฤษภาคม 2548 เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานสิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2548 เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2547 เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2548 เปรียบเทียบกับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2547 ที่ปรากฏในงบกำไรขาดทุน รวม ดังนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทในงบการเงินรวม ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2548 บริษัทมีผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายและ ภาษีเงินได้จำนวน 193.1 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 14.9 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.4 เมื่อหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้จำนวน 52.8 ล้านบาท คงเหลือเป็นกำไรหลัง หักภาษีเงินได้จำนวน 140.2 ล้านบาท เมื่อหักกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 8.8 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิจำนวน 131.4 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.1 1 .รายได้จากการขายและการให้บริการ ไตรมาสแรกของปี 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 700.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 83.7 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกัน ของปีก่อนจำนวน 616.5 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 13.5 เนื่องจากกิจการโรงแรมที่อยู่ภายใต้บริษัท และบริษัทย่อยมีผลประกอบการดีขึ้นดังนี้ โรงแรมดุสิตธานี หลังจากการปรับปรุงตกแต่งห้องพัก ซึ่งแล้วเสร็จประมาณร้อยละ 70 โรงแรมสามารถทำรายได้มากขึ้น การจัดให้มี Executive Club lounge ไว้บริการลูกค้าที่จ่ายค่า ห้องพักในอัตราสูง การให้บริการด้านอินเตอร์เน็ท ห้องประชุมย่อย และห้องสัมมนา เพื่อรองรับ กลุ่มนักธุรกิจ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปี 2548 มีรายได้ จำนวน 159.1 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจำนวน 16.2 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนรายได้จำนวน 142.9 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 11.3 โรงแรมดุสิตรีสอร์ท พัทยา การปรับปรุงโรงแรมอย่างต่อเนื่องมาจากปี 2547 รวมทั้งการ ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง และการรักษามาตราฐานการให้บริการ และจากผลกระทบจากภัยสึนามิ ส่วนหนึ่ง ทำให้นักท่องเที่ยวที่นิยมท่องเที่ยวในภาคใต้ของประเทศไทยทางฝั่งทะเลอันดามัน โดยเฉพาะ จ.ภูเก็ต จ. กระบี่ และจ.พังงา เดินทางมาท่องเที่ยวที่ฝั่งทะเลตะวันออกมากขึ้นในช่วง เดือนมกราคม ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปี 2548 มีรายได้จำนวน 137.4 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจำนวน 23.1 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนรายได้จำนวน 114.3 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 20.2 โรงแรมดุสิตรีสอร์ท และ โปโลคลับ การปรับปรุงโรงแรมอย่างต่อเนื่องมาจากปี 2547 และ การทำการตลาดอย่างต่อเนื่องรวมทั้งการรักษาระดับมาตรฐานการให้บริการ ประกอบกับ ผลกระทบจากภัยสึนามิในเดือนธันวาคม นักท่องเที่ยวที่นิยมท่องเที่ยวในภาคใต้ของประเทศไทย ทางฝั่งทะเลอันดามัน เดินทางมาท่องเที่ยวที่หัวหินในช่วงเดือนมกราคมมากขึ้น ส่งผลให้ไตรมาส แรกของปี 2548 มีรายได้จำนวน 121.8 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจำนวน 37.3 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกัน ของปีก่อนรายได้จำนวน 84.5 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 44.1 โรงแรมดุสิตนิกโก้ มะนิลา จากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขาย และนโยบายการตลาดทำ ให้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปี 2548 มีรายได้จำนวน 131.9 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจำนวน 10.3 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนรายได้จำนวน 121.6 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 8.5 โรงแรมในกลุ่มรอยัล ปริ๊นเซส ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ประกอบด้วยโรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ และโรงแรมรอยัลปริ๊นเซส เชียงใหม่ มีรายได้ใน ไตรมาสแรกของปี 2548 จำนวน 128.3 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน รายได้จากเทวารัณย์สปา ซึ่งเป็นบริษัทย่อยประกอบธุรกิจบริการสถานสุขภาพ โดยใช้ชื่อ เทวารํณย์ สปา ได้รับความนิยม มีชื่อเสียงเป็นสปาชั้นนำ แม้การแข่งขันในธุรกิจสปา สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ เทวารัณย์ สปา ยังคงรักษาระดับรายได้ไม่ให้ลดลง รายได้จากกิจการสปาไตรมาสแรกของปี 2548 มีจำนวน 14.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจำนวน 1.2 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนรายได้ จำนวน 13.3 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 9.0 2. รายได้ค่าบริหารโรงแรม ไตรมาสแรกของปี 2548 มีรายได้จำนวน 34.9 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจำนวน 4.2 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนรายได้จำนวน 30.7 ล้านบาท) คิดเป็น ร้อยละ 13.7 เนื่องจากผลการดำเนินงานของโรงแรมกลุ่มดุสิตและรอยัลปริ๊นเซสที่บริษัทเข้ารับบริหารโดยรวมดี ขึ้น ยกเว้นโรงแรมดุสิต ลากูน่า รีสอร์ท จ. ภูเก็ต ที่ได้รับผลกระทบจากภัยสึนามิ ทำให้ผล ประกอบการลดลง 3. ดอกเบี้ยรับ ไตรมาสแรกของปี 2548 มีดอกเบี้ยจำนวน 0.2 ล้านบาทลดลงจำนวน 2.1 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนรายได้จำนวน 2.3 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 91.3 เนื่องจากบริษัทใช้เงิน ในการปรับปรุงตกแต่งโรงแรม ทำให้เหลือเงินลงทุนที่เป็นเงินฝากธนาคารลดลง ดอกเบี้ยจึงลดลง 4. รายได้อื่นๆ ไตรมาสแรกของปี 2548 มีรายได้อื่นๆจำนวน 17.3 ล้านบาทลดลงจำนวน 1.0 ล้าน บาท (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนรายได้จำนวน 18.3 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 5.4 เนื่องจากใน ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีห้องอาหาร 1 แห่ง คือห้องอาหารเสฉวน ได้ปิดกิจการไปเมื่อ 1 มกราคม 2547 5. ต้นทุนขายและการให้บริการ บริษัทได้ใช้นโยบายการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ในไตรมาสแรกของปี 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขายและการให้บริการจำนวน 324.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 46.3 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ซึ่งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีต้นทุนขาย และการให้บริการจำนวน 295.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 47.9 ของรายได้จากการขายและการ ให้บริการ 6. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ไตรมาสแรกของปี 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 155.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20.6 ของรายได้รวม ส่วนในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีค่าใช้จ่าย ในการขายและบริหารจำนวน 129.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19.4 ของรายได้รวม ค่าใช้จ่ายในการ ขายและการบริหารในไตรมาสแรกของปี 2548 ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 26 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขาย และการตลาด ที่เพิ่มมากขึ้น 7. ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ไตรมาสแรกของปี 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าเสื่อมราคาจำนวน 80.5 ล้านบาทเพิ่มขึ้น จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 16.1 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 64.4 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 24.9 สืบเนื่องจากปี 2547 ที่มีการตัดค่าเสื่อมราคาของทรัพย์สินที่เกิดจาก การปรับปรุงตกแต่งโรงแรมดุสิตธานีครั้งใหญ่ และโรงแรมอื่นๆ แล้วเสร็จบางส่วน 8. ดอกเบี้ยจ่าย ไตรมาสแรกของปี 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 1.6 ล้านบาท ลดลดจากไตรมาสแรกของปีก่อนจำนวน 13.3 ล้านบาท (ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 14.9 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 89.3 เนื่องจากไตรมาสแรกของปีก่อนมีการบันทึกดอกเบี้ยจ่ายของ บ. โคราชธานี แต่ได้ทำการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และขายเงินลงทุน บ. โคราชธานี ไปเมื่อเดือน ธันวาคม 2547 ทำให้ไตรมาสแรกของปี 2548 ไม่มีรายการดังกล่าว 9. ภาษีเงินได้ ปี 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีภาษีเงินได้จำนวน 51.3 ล้านบาท แบ่งเป็น - บมจ. ดุสิตธานี จำนวน 24.6 ล้านบาท - บมจ. รอยัลปริ๊นเซส จำนวน 14.0 ล้านบาท - บ.ดุสิตโฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท จำนวน 6.0 ล้านบาท - Philippine Hoteliers, Inc. จำนวน 5.8 ล้านบาท - บ.เทวารัณย์สปา จำนวน 0.9 ล้านบาท ปี 2547 บริษัทและบริษัทย่อยมีภาษีเงินได้จำนวน 24.8 ล้านบาท แบ่งเป็น - บมจ. ดุสิตธานี จำนวน 8.4 ล้านบาท - บมจ.รอยัล ปริ๊นเซส จำนวน 2.3 ล้านบาท - บ.ดุสิตโฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท จำนวน 6.6 ล้านบาท - Philippine Hoteliers, Inc. จำนวน 6.7 ล้านบาท - บ.เทวารัณย์สปา จำนวน 0.8 ล้านบาท ภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 26.5 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยได้ใช้ผลขาดทุน ทางภาษีเงินได้หมดในปี 2547 แล้ว ดังนั้นในปี 2548 จึงต้องเสียภาษีเงินได้เต็มจำนวน จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ (คุณสินี เธียรประสิทธิ์) กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ