วันที่ 2 มีนาคม 2541 เรื่อง ชี้แจงกำไรสุทธิสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2541 มากขึ้นจากงบกำไรสุทธิสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2540 เกินร้อยละ 20 เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย งบการเงินตามวิธีส่วนได้เสีย และงบการเงินรวมบริษัท ดุสิตธานี จำกัด(มหาชน) สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2541 มีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 673.1 ล้านบาท และงบ กำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 564.3 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงบการเงินสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2540 ที่มีผลขาดทุนสุทธิในงบการเงินตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 1,185 ล้านบาท และผลขาดทุนสุทธิ ในงบการเงินรวมจำนวน 1,348.1 ล้านบาทแล้ว บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิสูงขึ้นจำนวน 1,858.1 ล้านบาท และ 1,912.4 ล้านบาทตามลำดับเนื่องจากสาเหตุดังนี้ กิจการโรงแรม 1.โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ และห้องอาหารนอกโรงแรม ผลกำไรก่อนภาษีลดลง 2.7 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากอาหารและเครื่องดื่มลดลง 38 ล้าน บาทเศษ ในขณะที่รายได้จากห้องพักเพิ่มขึ้น 26 ล้านบาท ห้องอาหารนอกโรงแรม อันประกอบด้วยห้องอาหารเลอจาแดง และห้องอาหารเสฉวนมีผล ประกอบการกำไรก่อนภาษีลดลง 1.6 ล้านบาท 2.โรงแรมดุสิตรีสอร์ทพัทยา กำไรก่อนภาษีเพิ่มขึ้น 51.2 ล้านบาท เนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้น 51 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุน และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 11 ล้านบาทก็เช่นเดียวกัน 3.โรงแรมดุสิตและโปโลคลับ โรงแรมดุสิตและโปโลคลับได้ถูกโอนมาอยู่ภายใต้บริษัท ดุสิตธานี จำกัด(มหาชน) ในวันที่ 1 ตุลาคม 2541 ดังนั้นผลกำไรก่อนภาษีของไตรมาสที่ 4 ประจำปี 2541 จำนวน 9.7 ล้านบาท จึงปรากฏ ในงบการเงินของบริษัทฯ รายได้อื่นๆ 1.อาคารพาณิชย์ มีรายได้ลดลง 7.7 ล้านบาท จึงทำให้มีกำไรก่อนภาษีลดลงจำนวน 5.91 ล้าน บาทเศษ 2.รายได้จากการรับจ้างบริหารโรงแรมและรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหาร ส่วนกลางลดลง จึงทำให้มีกำไรก่อนภาษีเพิ่มขึ้นจำนวน 52.5 ล้านบาท บริษัทย่อย 1. PHILIPPINE HOTELIERS, INC. ผลประกอบการของบริษัทมีกำไรก่อนภาษีเพิ่มขึ้น 5.1 ล้านบาท 2.บริษัท ดุสิตรีสอร์ท ชะอำ จำกัด บริษัท ดุสิตรีสอร์ท ชะอำ จำกัด ได้โอนกิจการโรงแรมดุสิต และโปโลคลับ มาให้บริษัทฯ ใน วันที่ 1 ตุลาคม 2541 จึงทำให้ในงบการเงินของบริษัท ดุสิตรีสอร์ท ชะอำ จำกัดสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2541 จะมีผลประกอบการของโรงแรมดุสิตรีสอร์ท และโปโลคลับเพียง 9 เดือน ซึ่งมีผลประกอบการ ขาดทุนลดลงจำนวน 33.21 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงบกำไรสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2540 ซึ่งมีผล ประกอบการโรงแรม 12 เดือน 3.บริษัท รอยัลปริ๊นเซส จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย -กิจการโรงแรมภายใต้บริษัทรอยัลปริ๊นเซส: ผลการดำเนินงานของกิจการโรงแรมและรับจ้าง บริหารโรงแรมมีกำไรก่อนภาษีลดลงจำนวน 11.8 ล้านบาท -กิจการโรงแรมบริษัทย่อย: ผลการดำเนินงานขาดทุนเพิ่มขึ้นจำนวน 16.7 ล้านบาท รายการที่ไม่เกิดจากผลการดำเนินงาน 1.ดอกเบี้ย บริษัทฯมีดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้นจำนวน 47.7 ล้านบาทและดอกเบี้ยจ่ายลดลงจำนวน 30.9 ล้าน บาท 2.กำไร(ขาดทุน)จากอัตราแลกเปลี่ยน ในปี 2540 บริษัทฯ มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1,033.3 ล้านบาท แต่ในปี 2541 บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 89.1 ล้านบาท 3.กำไรจากการลงทุนบริษัทย่อยและบริษัทร่วม 3.1 กำไรจากการขายหุ้นดุสิตสินธรจำนวน 376 ล้านบาท ซึ่งกำไรดังกล่าวเป็นตัวเลขตามบัญชี เท่านั้นไม่ใช่กำไรที่แท้จริง เนื่องจากบริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัท ดุสิตสินธร จำกัด จำนวน 1,103 ล้านบาท และตลอด ระยะเวลาการลงทุนจนถึง 31 มีนาคม 2540 บริษัท ดุสิตสินธร จำกัดมีผลขาดทุนมาโดยตลอด ซึ่งตามหลักการ บัญชีจะต้องนำผลขาดทุนของบริษัทที่ลงทุนเกินร้อยละ 20 มาหักจากเงินลงทุนในทุกๆปี จึงทำให้มูลค่าเงินลงทุนที่ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด(มหาชน) ที่ลงทุนไปลดเหลือเพียง 734 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อบริษัทฯขายหุ้นไปในราคา 1,110 ล้านบาทจึงปรากฏกำไรตามบัญชีจำนวน 376 ล้านบาท ซึ่งตามข้อเท็จจริงบริษัทฯมีกำไรที่แท้จริงเพียง 6.3 ล้านบาท 3.2 ส่วนแบ่งจากการขายโรงแรม Melrose บริษัท ดุสิตเดลาแวร์ จำกัด ได้รับส่วนแบ่งจากการ ขายโรงแรม Melrose ทำให้มีผลกำไร จำนวน 92.4 ล้านบาท ส่วนได้เสียของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมจำนวน 92.6 ล้านบาท 1.เนื่องจากบริษัทฯ ได้ขายหุ้นของบริษัท ดุสิตสินธร จำกัด ไปในวันที่ 31 มีนาคม 2541 ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องรับรู้ผลขาดทุน ณ 31 มีนาคม 2541 ตามสัดส่วนการลงทุนเป็นจำนวน 82.4 ล้านบาท 2.ส่วนได้เสียอื่นๆ จำนวน 10.2 ล้านบาท ตัดสำรองเผื่อการลดค่าหลักทรัพย์ บริษัทฯได้ตัดสำรองเผื่อการลดหลักทรัพย์ของเงินลงทุนที่ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ลง จำนวน 17 ล้านบาท ส่วนผลต่างในงบการเงินตามวิธีส่วนได้เสีย และงบการเงินรวมจำนวน 54.3 ล้านบาทเกิดจาก การรับรู้ผลขาดทุนเกินทุนของบริษัทย่อย ขอแสดงความนับถือ สินี เธียรประสิทธิ์ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ