17 พฤศจิกายน 2541
ชี้แจ้งกำไรสุทธิสิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2541
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2541
เรื่อง ชี้แจงกำไรสุทธิสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2541 สูงขึ้นจากกำไรสุทธิสิ้นสุด
วันที่ 30 กันยายน 2540 เกินร้อยละ 20
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
งบการเงินตามวิธีส่วนได้เสีย และงบการเงินรวมบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) สิ้นสุด
วันที่ 30 กันยายน 2541(ไตรมาสที่3) มีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิตามวิธีส่วนได้เสียจำนวน 527.52
ล้านบาท และกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 495.68 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบในไตรมาสเดียว
กันของปี 2540 งบการเงินตามวิธีส่วนได้เสียมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 662.02 ล้านบาท และงบการเงิน
รวมมีผลขาดทุนสุทธิ 760.34 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทฯ จึงมีผลกำไรสุทธิสูงขึ้นจำนวน 1,184.24
ล้านบาท และ 1,256.02 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากสาเหตุดังนี้
1.โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ และห้องอาหารนอกโรงแรม
-โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ มีรายได้จากห้องพักเพิ่มขึ้นจำนวน 31.30 ล้านบาท เนื่องจาก
ผลของการส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้มีชาวต่างประเทศเข้ามาพักมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันรายได้
จากห้องอาหารและเครื่องดื่มลดลง 30.13 ล้านบาท เนื่องจากการจัดเลี้ยง การจัดสัมมนาของบริษัท
เอกชนและรัฐบาลลดน้อยลง และจากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขาย ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่าย
ลดลง 12.88 ล้านบาท จึงส่งผลให้มีกำไรก่อนหักภาษีสูงขึ้นประมาณ 6.65 ล้านบาท
-ห้องอาหารนอกโรงแรม ห้องอาหารเลอจาแดงและห้องอาหารเสฉวน มีรายได้จากจากขาย
และรายได้อื่นๆลดลง 7.47 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจ และมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการ
ขายลดลง 7.01 ล้านบาท ทำให้ผลกำไรก่อนหักภาษีลดลงประมาณ 0.46 ล้านบาท
2.โรงแรมดุสิตรีสอร์ท พัทยา
รายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจำนวน 19.51 ล้านบาท รายได้จากห้องอาหารและ
เครื่องดื่มเพิ่มขึ้นจำนวน 7.18 ล้านบาท และรายได้อื่นๆเพิ่มขึ้นจำนวน 6.51 ล้านบาท เนื่องจากการ
ทำโปรโมชั่นพิเศษ และการจัดสัมมนาที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายลดลงประมาณ
4.24 ล้านบาท ทำให้มีผลกำไรก่อนหักภาษีสูงขึ้นจำนวน 37.44 ล้านบาท
3.กิจการรับจ้างบริหาร โรงแรม
บริษัทฯ มีรายได้จากค่าบริหารโรงแรมเพิ่มมากขึ้นจำนวน 20.43 ล้านบาท เนื่องจาก
โรงแรมที่รับบริหารมีรายได้มากขึ้น ในขณะที่บริษัทฯ สามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้ลดลงประมาณ
1.25 ล้านบาท จึงทำให้มีกำไรก่อนหักภาษีสูงขึ้นจำนวน 21.69 ล้านบาท
4.ดอกเบี้ยจ่ายลดลงจำนวน 28.24 ล้านบาท ในขณะที่ดอกเบี้ยรับเพิ่มมากขึ้นจำนวน 53.22
ล้านบาท
5.กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 36.97 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากเงินกู้จำนวน 8.6 ล้าน
เหรียญสหรัฐ ที่บริษัทฯ ยังมิได้ซื้อสัญญาประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศล่วงหน้า
ซึ่งผลกำไรดังกล่าวเป็นผลกำไรตามหลักการบัญชี ไม่ใช้ผลกำไรที่แท้จริง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯได้
ชำระคืนเงินกู้จำนวนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือนเมษายน
6.ผลขาดทุนจากการใช้ระบบแลกเปลี่ยนเงินตราแบบลอยตัว
ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2541 บริษัทฯ ไม่มีผลขาดทุนจากการใช้ระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา
แบบลอยตัว ในขณะที่ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2540 บริษัทฯ มีผลขาดทุนจากการใช้ระบบแลกเปลี่ยนเงิน
ตราแบบลอยตัวจำนวน 731.61 ล้านบาท
7.อาคารพาณิชย์ มีรายได้ลดลงประมาณ 6.05 ล้านบาทและกำไรสุทธิลดลงจำนวน 8.41
ล้านบาท
8.ภาษีเงินได้นิติบุคคล
จากงบการเงินตามวิธีส่วนได้เสีย บริษัทฯ มีผลขาดทุนสะสมยกมาในไตรมาสที่ 2 ของปี
2541 จึงไม่มีการคำนวนภาษีเงินได้นิติบุคคลในไตรมาสที่ 3 นี้ ส่วนในด้านของงบการเงินรวมใน
ไตรมาสที่ 3 ของปี 2541 บริษัทฯ มีภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 14.89 ล้านบาท
9.กำไรที่เกิดจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย และบริษัทร่วม
ในงบการเงินตามวิธีส่วนได้เสีย และงบการเงินรวม ปรากฏกำไรที่เกิดจากการขายเงิน
ลงทุนในบริษัท ดุสิตสินธร จำกัด จำนวน 375.8 ล้านบาทเศษ แต่กำไรดังกล่าวไม่ใช้กำไรที่แท้จริง
เป็นเพียงผลกำไรทางบัญชีเท่านั้น เพราะในระหว่างที่บริษัทฯ ได้ไปลงทุนในบริษัทดังกล่าว มีผลขาดทุน
มาโดยตลอด จึงทำให้มูลค่าเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียลดลง และเมื่อบริษัทฯ ขายเงินลงทุนไป จึง
ปรากฏผลกำไรข้างต้น โดยบริษัทฯ มีกำไรที่แท้จริงเพียงจำนวน 6.3 ล้านบาทเศษ นอกจากนี้บริษัทฯ
ได้มีกำไรที่เกิดจากบริษัทย่อย คือ บริษัท ดุสิตธานี เดลาแวร์ จำกัด ที่ได้รับเงินส่วนแบ่งจากการขายหุ้น
ของโรงแรม Melrose ซึ่งทำให้มี ผลกำไรจำนวน 92.4 ล้านบาทเศษ
10. PHILIPPINE HOTELIERS, INC.
รายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจำนวน 132.20 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น
จำนวน 7.38 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 13.12 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทฯ จึงรับรู้ผล
การดำเนินงานร้อยละ 85.76 ตามอัตราส่วนการลงทุน
11.บริษัท ดุสิตสินธร จำกัด
ในงบกำไรขาดทุนสิ้นสุด 30 กัยายน 2541 ยังคงปรากฏผลขาดทุนของบริษัท ดุสิตสินธร
จำกัด จำนวน 82.4 ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นผลขาดทุนที่บริษัทฯ รับรู้ตามอัตราส่วนการลงทุน ในบริษัท
ดุสิตสินธร จำกัด สิ้นสุด 31 มีนาคม 2541 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อขายหุ้นและรับชำระเงินใน
วันที่ 31 มีนาคม 2541
12.บริษัท รอยัลปริ๊นเซส จำกัด (มหาชน)และบริษัทย่อย
รายได้จากการขายและบริการลดลงจำนวน 10.86 ล้านบาท และต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ขึ้นจำนวน 14.91 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นจำนวน 13.6 ล้านบาท และ
เนื่องจากบริษัทย่อย คือ บริษัท โคราชธานี จำกัด และบริษัท ทรัพย์สินธานี จำกัด มีเงินกู้เป็นเงินตรา
ต่างประเทศจึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการซื้อสัญญาประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่าง
ประเทศล่วงหน้า ทำให้มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นจำนวน 25.77 ล้านบาท
13.บริษัท ดุสิตรีสอร์ท ชะอำ จำกัด
รายได้จากการขายและบริการกิจการโรงแรมสูงขึ้นจำนวน 29.62 ล้านบาท และรายได้
อื่นเพิ่มขึ้นจำนวน 1.44 ล้านบาท แต่เนื่องจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นจำนวน 39.34
ล้านบาท และบริษัทดังกล่าวมีเงินกู้เป็นเงินตราต่างประเทศจึงทำให้มี ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการซื้อสัญญา
ประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าทำให้บริษัท ดุสิตรีอสร์ท ชะอำ จำกัด
มีผลกำไรลดลงจำนวน 8.28 ล้านบาท
14. ค่าความนิยม
จากการที่บริษัทฯ ได้ไปลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท ดุสิตรีสอร์ท ชะอำ จำกัด จากผู้ถือหุ้นราย
ย่อย เมื่อวันที่ 14-28 พฤศจิกายน 2541 จำนวน 715,217 หุ้น ในราคาหุ้นละ 15 บาท ทำให้เกิด
ค่าความนิยมซึ่งตัดเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ทั้งหมด เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 16.03 ล้านบาท
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
สุนงค์ สาลีรัฐวิภาค
กรรมการ