17 May 2010
ชี้แจงผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาสที่ 1/2553
วันที่ 14 พฤษภาคม 2553
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2552
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานในงบการเงินรวมสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553
เปรียบเทียบกับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2552 ดังนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2553
ผลประกอบการเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ ของบริษัทดีขึ้นจากปีก่อนโดยมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 แต่ในเดือนมีนาคมบริษัทได้รับผลกระทบ
จากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมชะลอตัวลงอีกระลอกหนึ่ง ลูกค้าที่ได้สำรองการใช้บริการทั้งห้องพักและจัดเลี้ยงไว้ล่วงหน้า
ขอยกเลิกการใช้บริการ โดยเฉพาะที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ และโรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง ทำให้ผลประกอบการของบริษัทเริ่มลดลง
อย่างไรก็ตามไตรมาสที่ 1 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 865.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7 และมีกำไรสุทธิจำนวน 81.88 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 56.43 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 222 เมื่อหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 1.97 ล้านบาทแล้ว
มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 79.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 56.78 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 245
รายละเอียดของผลประกอบการประกอบด้วย
1. รายได้จากการขายและการให้บริการ
บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 799.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 60.04 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8
ประกอบด้วยรายได้จากโรงแรมในกลุ่มดุสิตธานี เพิ่มขึ้น 36.77 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9 กลุ่มดุสิตปริ๊นเซส ลดลง 8.96 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7
ดุสิตดีทู ลดลง 1.11 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6 ดุสิตธานีมะนิลา เพิ่มขึ้น 26.73 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17 และรายได้จากธุรกิจอาคารพาณิชย์ให้เช่า
ธุรกิจสปา การศึกษา ฝึกอบรม และอื่นๆ เพิ่มขึ้น 6.61 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21
2. ต้นทุนขายและการให้บริการ
มีต้นทุนขายและการให้บริการรวมจำนวน 527.07 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 66 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ มีอัตราส่วนที่ลดลง
เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 512.81 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 69 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
หลังหักต้นทุนขายและการให้บริการแล้ว มีกำไรขั้นต้นจำนวน 272.77 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีจำนวน 226.98 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 31 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
3. รายได้อื่น
บริษัทมีรายได้อื่นๆ จำนวน 65.69 ล้านบาทลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 4.78 ล้านบาท ประกอบด้วย
- รายได้ค่าบริหารงานจำนวน 28.27 ล้านบาทลดลง 4.68 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 14 สืบเนื่องจากเหตุวิกฤตเศรษฐกิจการเงิน
ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมในประเทศดังกล่าว และปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ ทำให้โรงแรม
ที่บริษัทรับจ้างบริหารทั้งในและต่างประเทศมีรายได้ลดลง รายได้ค่าบริหารจึงลดลงเช่นกัน
- รายได้อื่นๆ ได้แก่ดอกเบี้ยรับ เงินปันผล และอื่นๆ รวมจำนวน 37.43 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 0.09 ล้านบาท
4. ค่าใช้จ่ายในการขาย
บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ จำนวน 75.22 ล้านบาท
ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 3.40 ล้านบาท หรือร้อยละ 4
5. ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 127.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 4.73 ล้านบาท หรือร้อยละ 4
ส่วนใหญ่เกิดจาก ค่าเช่าที่ดินและอาคาร และค่าเครื่องหมายการค้าของกิจการร่วมค้าซึ่งคำนวณจากรายได้ อย่างไรก็ตาม
บริษัทยังคงมีนโยบายบริหารค่าใช้จ่ายอย่างระมัดระวังต่อเนื่องจากปีก่อน
6. ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
บริษัทมีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขายและการบริหารจำนวน 13.71 ล้านบาท
ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 0.55 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 4 เนื่องจากทรัพย์สินบางรายการได้ตัดค่าเสื่อมราคาจนหมดอายุการใช้งานแล้ว
7. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน
บริษัทมีค่าใช้จ่ายทางการเงิน คือ ดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 10.14 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 5.27 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 34 ดอกเบี้ยดังกล่าวจ่ายให้สถาบันการเงินสำหรับเงินกู้ยืมที่บริษัทและบริษัทย่อยกู้ยืมมาเพื่อปรับปรุงตกแต่งโรงแรม
ทั้งนี้บริษัทและบริษัทย่อยมีการจ่ายคืนเงินกู้บางส่วน จึงทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง
ฐานะการเงิน
งบดุลรวมของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553 สินทรัพย์รวม มีจำนวน 5,491.18 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552
จำนวน 115.87 ล้านบาท ส่วนใหญ่เกิดจากสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน คืออาคารและอุปกรณ์ มีมูลค่าลดลงด้วยค่าเสื่อมราคา
และค่าเช่าที่ดินและอาคารจ่ายล่วงหน้าส่วนที่เกินหนึ่งปี-สุทธิ มีการตัดจำหน่ายตามระยะเวลาเช่า ในขณะที่มีการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวในระหว่างงวด
ทำให้หนี้สินรวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553 มีจำนวน 1,364.93 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552 จำนวน 219.93 ล้านบาท
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0.35 ต่อ 1 นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรจำนวน 1,282.43 ล้านบาท
และมีมูลค่าตามบัญชี (Book Value) เท่ากับ 46.26 บาทต่อหุ้น
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นางสินี เธียรประสิทธิ์)
เลขานุการบริษัท