16 November 2009
ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2552
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2551
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานสำหรับงวดสาม
เดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 เปรียบเทียบกับงวดสามเดือนและเก้า
เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2551 ที่ปรากฏในงบกำไรขาดทุนรวม ดังนี้
ผลการดำเนินงาน
สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 บริษัทและบริษัทย่อยมี
ขาดทุนสุทธิรวม 43.69 ล้านบาท หักปันส่วนขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย
จำนวน 0.07 ล้านบาท เหลือขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่จำนวน 43.62
ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 13.00 ล้านบาท และสำหรับงวดเก้า
เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 มีขาดทุนสุทธิรวม 110.88 ล้านบาท หักปันส่วน
ขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 0.29 ล้านบาท เหลือขาดทุนสุทธิส่วนที่
เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่จำนวน 110.59 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน
จำนวน 314.84 ล้านบาท จากการที่ผลประกอบการในงวด 9 เดือนของปีนี้ลดลงปัจจัยหลัก
ได้แก่ผลกระทบจากปัญหาการเมืองตั้งแต่ปลายปี 2551 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ประกอบกับ
ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลก และต่อเนื่องมาถึงผลกระทบจากการระบาดของไข้หวัด
ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จึงทำให้มีการใช้กลยุทธ์ในเรื่องราคามาแข่งขัน บริษัทจึง
จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การส่งเสริมการขายด้วยวิธีการต่างๆ ทำให้สามารถสร้างรายได้
เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่สาม รวมทั้งการใช้กลยุทธ์การบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อให้
สอดคล้องกับสภาวะธุรกิจที่ถดถอย แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างกำไรให้บริษัทได้ สำหรับรายได้
จากการรับริหารโรงแรมภายในประเทศลดลงเนื่องจากโรงแรมที่รับบริหารได้รับผลกระทบ
เช่นเดียวกับบริษัท ส่วนรายได้รับบริหารในต่างประเทศ ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี ดูไบลดลง
เกิดจากธุรกิจโรงแรมในประเทศสหรัฐอาหรับ เอมิเรสต์ กำลังถดถอยลง สำหรับผล
ประกอบการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 หากไม่มีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวใน
ประเทศไทย บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้น
ผลประกอบการสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2552 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี
ก่อน ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้
1. รายได้จากการขายและการให้บริการ
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย และการให้บริการจำนวน 1,959.38 ล้าน
บาท ประกอบด้วยรายได้จากกิจการโรงแรม 1,861.38 ล้านบาท และรายได้จากกิจการอื่นๆ
อีก 98.00 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 452.34
ล้านบาท คิดป็นร้อยละ 19 เกิดจากรายได้จากกิจการโรงแรมลดลงจำนวน 446.61 ล้าน
บาทคิดเป็นร้อยละ19 เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาการเมืองตั้งแต่ปลายปี 2551
-1-
2. ต้นทุนขายและการให้บริการ
บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขายและการให้บริการจำนวน 1,098.40 ล้านบาท คิด
เป็นร้อยละ 56 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกัน
ของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 1,279.08 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 53 ของรายได้จากการขายและ
การให้บริการ ต้นทุนขายและบริการมีจำนวนลดลงแต่อัตราส่วนเมื่อเทียบกับรายได้แล้ว
สูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนลดลงในอัตราส่วนที่น้อยกว่ารายได้ที่ลดลง ทั้งนี้เพราะต้นทุน
ดังกล่าวมีทั้งต้นทุนผันแปรและต้นทุนคงที่ โดยต้นทุนคงที่ส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ
พนักงานซึ่งไม่สามารถลดลงได้มากนัก
หลังหักต้นทุนขายและการให้บริการแล้วมีกำไรขั้นต้นจำนวน 860.99 ล้านบาทคิด
เป็นร้อยละ 44 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ลดลงจากงวดเดียวกันปีก่อน ซึ่งมี
จำนวน 1,132.65 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 47 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
3. รายได้อื่น บริษัทมีรายได้อื่นๆ จำนวน 189.38 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกัน
ปีก่อน 249.33 ล้านบาท ประกอบด้วย
- รายได้ค่าบริหารงาน
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้ค่าบริหารงานจำนวน 60.84 ล้านบาท ลดลง 19.80
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25 รายได้ที่ลดลงเป็นรายได้จากการรับบริหารโรงแรมในประเทศ
ลดลงร้อยละ 19 และโรงแรมที่รับบริหารต่างประเทศลดลงร้อยละ 31 ซึ่งปัจจัยหลักเกิดจาก
ธุรกิจโรงแรมในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ แต่ในงวดเก้าเดือนปี 2552 บริษัทมีรายได้
จากการรับบริหารเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เพิ่มขึ้นอีก 1 แห่งคือ Dusit Residence, Dubai
Marina ซึ่งเปิดดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน 2551
- รายได้อื่นๆ
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่นๆ ได้แก่ดอกเบี้ยรับ เงินปันผล และรายได้อื่น รวม
จำนวน 128.54 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหากไม่รวมกำไรจากการขายที่ดิน
จำนวน 243.09 ล้านบาทแล้วมีรายได้ลดลง 13.55 ล้านบาท
4. ค่าใช้จ่ายในการขาย
บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายได้แก่ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด การ
ส่งเสริมการขาย และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นต้นจำนวน 232.34 ล้านบาท ใกล้เคียง
กับงวดเดียวกันของปีก่อน แม้รายได้จากการขายจะลดลงแต่บริษัทยังมีความจำเป็นต้องใช้
งบประมาณการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างยอดขายทั้งในปัจจุบันและอนาคต
5. ค่าใช้จ่ายในการบริหาร
บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหาร ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 77.42 ล้าน
บาท คิดเป็นร้อยละ 17
6. ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
เนื่องจากทรัพย์สินบางรายการได้ตัดค่าเสื่อมราคาจนหมดอายุการใช้งานแล้ว ทำให้
ค่าเสื่อมราคารวมลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 19.44 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4
7. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน
บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายทางการเงิน คือ ดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 40.35 ล้าน
บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 13.80 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 25 ซึ่งเป็น
ดอกเบี้ยจ่ายให้สถาบันการเงินสำหรับเงินกู้ยืมที่บริษัทและบริษัทย่อยกู้ยืมมา เพื่อปรับปรุง
ตกแต่งโรงแรม ในระหว่างปีที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีอัตราที่ลดลงและบริษัทและ
บริษัทย่อย มีการจ่ายคืนเงินกู้ตามระยะเวลา จึงทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง
-2-
ฐานะการเงิน
งบดุลรวมของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 สินทรัพย์รวม มี
จำนวน 5,623.00 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 จำนวน 317.20 ล้าน
บาท ส่วนใหญ่เกิดจากสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน คืออาคารและอุปกรณ์ มีมูลค่าลดลงด้วยค่า
เสื่อมราคา และค่าเช่าที่ดินและอาคารจ่ายล่วงหน้าส่วนที่เกินหนึ่งปี-สุทธิ มีการตัดจำหน่าย
ตามระยะเวลาเช่า ในขณะที่มีการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวในระหว่างงวด ทำให้หนี้สินรวม
ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มีจำนวน 1,614.03 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม
2551 จำนวน 190.62 ล้านบาท อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 กันยายน
2552 คือ 0.43 ต่อ 1 นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรจำนวน 1,199.91 ล้าน
บาท และมีมูลค่าตามบัญชี (Book Value) เท่ากับ 44.82 บาทต่อหุ้น
คำอธิบายเพิ่มเติม
ตามที่กล่าวในหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 2.10 เรื่องมาตรฐานการบัญชี
ผู้บริหารของบริษัทได้ประเมินและเห็นว่าการปรับปรุงมาตรฐานการบัญชีไทยฉบับดังกล่าว
ไม่มีผลกระทบอย่างเป็นสาระสำคัญต่องบการเงินที่นำเสนอ
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นางสินี เธียรประสิทธิ์)
เลขานุการบริษัท
-3-