วันที่ 2 มีนาคม 2552 เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2550 เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 เปรียบเทียบกับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550 ซึ่งได้นำเสนองบการเงิน ตามมาตรฐานการบัญชีไทยฉบับที่ 35โดยสภาวิชาชีพบัญชีไทย ดังนี้ ผลการดำเนินงาน ตั้งแต่ปลายไตรมาสที่ 2 บริษัทและบริษัทย่อยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวด้าน เศรษฐกิจในประเทศ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น จนกระทั่งไตรมาสที่ 3 เกิดภาวะเศรษฐกิจโลก ชะลอตัวลง จากปัญหาทางการเงินของสหรัฐอเมริกา ที่ส่งผลกระทบไปทั้งยุโรป และเอเชีย นอกจากนี้มีปัจจัยที่มีผลกระทบรุนแรงต่อธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยวได้แก่ สถานการณ์ ทางการเมืองภายในประเทศที่เริ่มก่อตัวในไตรมาสที่ 2 และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ เหตุการณ์ปิดสนามบินภูเก็ตในปลายเดือนสิงหาคม จนกระทั่งการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและ ดอนเมือง ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า มาเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบกับรายได้หลักจากการ ขายและการให้บริการ และรายได้ค่าบริหารงานของบริษัท จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ผลประกอบการสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวม 227.40 ล้านบาท หักปันส่วนกำไรสุทธิที่เป็น ของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 10.77 ล้านบาท เหลือเป็นกำไรสุทธิของบริษัทจำนวน 216.63 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรจากการขายที่ดินหลังหักค่าใช้จ่ายและภาษีเงินได้จำนวน 170.16 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 46.47 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. รายได้จากการขายและการให้บริการ 1.1 รายได้จากการขายและการให้บริการจากในประเทศ ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจ โรงแรมซึ่งเป็นโรงแรมในกลุ่มดุสิต กลุ่มรอยัล ปริ๊นเซส และดุสิตดีทู นอกจากนี้ยังมีรายได้ จากกิจการอื่นๆ ประกอบด้วยกิจการอาคารพาณิชย์ ซึ่งปรับปรุงแล้วเสร็จ และมีการปรับอัตรา ค่าเช่า เมื่อปลายปี 2550 สถานสุขภาพ ฝึกอบรม และกิจการสอนการประกอบอาหาร เริ่ม เปิดสอนตั้งแต่ สิงหาคม 2550 ในปี 2551 รายได้ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน แบ่งเป็นราย ไตรมาส ดังนี้ สำหรับไตรมาสแรกสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2551 มีรายได้จากการขายและการ ให้บริการเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 31.65 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 ส่วน ไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 มีรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 73.60 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 15 หลังจากผลกระทบ จากสาเหตุข้างต้นส่งผลให้ไตรมาสที่ 3 สิ้นสุด 30 กันยายน 2551 มีรายได้จากการขายและ การให้บริการเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 29.97 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 5 ซึ่ง เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ลดลงจากงวดก่อน แต่ผลกระทบที่รุนแรงจากปิดสนามบินดังกล่าวทำให้ ไตรมาสที่ 4 มีรายได้จากการขายและการให้บริการลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน -1- 129.64 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 17 อย่างไรก็ตามเมื่อรวมรายได้จากการขายและการ ให้บริการของทั้งปี 2551 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 2.58 ล้านบาท 1.2 รายได้จากการขายและการให้บริการจากต่างประเทศ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ คือ โรงแรมดุสิตธานี มะนิลา หลังจากมีการปรับปรุงโรงแรมเมื่อกลางปี 2549 และแล้วเสร็จเมื่อ ปลายปี 2550 ในปี 2551มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 168.17 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 34 2. รายได้ค่าบริหารงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 มีรายได้ค่าบริหารงานจำนวน 115.58 ล้าน บาทลดลง3.19 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ของโรงแรมที่รับบริหารในประเทศได้รับ ผลกระทบจากปัจจัยที่กล่าวแล้วข้างต้น 3. กำไรจากการขายที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ ในเดือนพฤษภาคม และสิงหาคม 2551 บริษัทได้ขายที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มี กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายและภาษีเงินได้แล้ว จำนวน 170.16 ล้านบาท 4. ดอกเบี้ยรับ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 มีดอกเบี้ยรับลดลงจากปีก่อนจำนวน 5.19 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 49 เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยมีการจ่ายคืนเงินกู้บางส่วน และ ใช้เงินไปในการปรับปรุงตกแต่งโรงแรม ทำให้เหลือเงินฝากสถาบันการเงิน ลดลง ดอกเบี้ย รับจึงลดลง 5. ต้นทุนขายและการให้บริการ บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขายและการให้บริการ จำนวน 1,698.69 ล้านบาท คิด เป็นร้อยละ 53 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ซึ่งมีสัดส่วนเดียวกันกับปีก่อนที่มี ต้นทุนขายและการให้บริการจำนวน 1,602.82 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 53 ของรายได้จาก การขายและการให้บริการ 6. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาประชาสัมพันธ์เครื่องหมายการค้า ใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อน ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาระบบการจองห้องพักส่วนกลาง ค่าใช้จ่ายใน การศึกษาโครงการลงทุนและพัฒนา และการว่าจ้างบุคลากรเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและ ต่างประเทศที่สำนักงานตัวแทนประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจรับ บริหารโรงแรมที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต นอกจากนี้มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบริษัท เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต จำกัด ซึ่งประกอบกิจการโรงเรียนสอนทำอาหารที่จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2549 และเปิดสอนตั้งแต่ สิงหาคม 2550 จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมี ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 1,027.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 104.85 ล้านบาท 7. ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หลังการปรับปรุงตกแต่งโรงแรมในกลุ่มดุสิต กลุ่มรอยัล ปริ๊นเซส แล้วเสร็จได้เริ่ม ทะยอยตัด ค่าเสื่อมราคา ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าเสื่อมราคาสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 จำนวน 602.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 82.15 ล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 16 8. ดอกเบี้ยจ่าย บริษัทและบริษัทย่อยมีดอกเบี้ยจ่ายสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551จำนวน 72.20 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 15.33 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ18 ซึ่งเป็นดอกเบี้ย จ่ายให้สถาบันการเงินสำหรับเงินกู้ยืมที่บริษัทและบริษัทย่อยกู้ยืมมา เพื่อปรับปรุงตกแต่ง โรงแรม ในระหว่างปีที่ผ่านมาบริษัทและบริษัทย่อย มีการจ่ายคืนเงินกู้บางส่วน จึงทำให้มี ดอกเบี้ยจ่ายลดลง 9. ภาษีเงินได้ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทคำนวณภาษีเงินได้ในอัตราร้อยละ 30 -2- ฐานะการเงิน งบดุลรวมของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 สินทรัพย์รวม มี จำนวน 5,940.20 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 จำนวน 575.02 ล้าน บาท ส่วนใหญ่เกิดจากสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน คือที่ดิน อาคารและอุปกรณ์-สุทธิ ที่ลดลงด้วย ค่าเสื่อมราคา และค่าเช่าที่ดินและอาคารจ่ายล่วงหน้าส่วนที่เกินหนึ่งปี-สุทธิ ลดลงด้วยค่า ตัดจำหน่ายตามระยะเวลาเช่า จึงทำให้มูลค่าทรัพย์สินดังกล่าวลดลง ในขณะที่มีการชำระ คืนเงินกู้ยืมระยะยาวในระหว่างงวด ทำให้หนี้สินรวม ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 มีจำนวน 1,804.66 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 จำนวน 596.83 ล้านบาท และมี อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 คือ 0.46 ต่อ 1 นอกจากนี้ บริษัทยังมีกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรจำนวน 1,352.99 ล้านบาท และมีมูลค่าตามบัญชี (Book Value) เท่ากับ 46.24 บาทต่อหุ้น คำอธิบายเพิ่มเติม ตามที่มีมาตรฐานการบัญชีฉบับใหม่ และมาตรฐานการบัญชีที่มีการแก้ไขโดยสภา วิชาชีพบัญชีไทย มีผลบังคับใช้กับงบการเงินที่มีรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2551 ตามหมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 2.6 ผู้บริหารของบริษัทได้ประเมินและ เห็นว่าการปรับปรุงมาตรฐานการบัญชีไทยดังกล่าวไม่มีผลกระทบอย่างป็นสาระสำคัญต่องบ การเงินที่นำเสนอ เว้นแต่มาตรฐานการบัญชีไทยฉบับที่ 35 เรื่องการนำเสนองบการเงิน ซึ่ง มีผลต่อการนำเสนองบการเงินในส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย และการเปิดเผยข้อมูลอื่นตามที่ ได้กล่าวไว้ในงบการเงิน หมายเหตุข้อ 4 และข้อ 5 จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ (สินี เธียรประสิทธิ์) กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ -3-