01 March 2007
รายงานผลการดำเนินงานสำหรับปี 2549 เปรียบเทียบปี 2548
วันที่ 1 มีนาคม 2550
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2548
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย ประจำปี 2549 มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย
และภาษีเงินได้ จำนวน 475.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 จำนวน 101.65 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 27.20
เมื่อหักดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 81.62 ล้านบาท และภาษีเงินได้จำนวน 130.99 ล้านบาท คิดเป็นกำไร
หลังหักภาษีเงินได้ จำนวน 262.81 ล้านบาท เมื่อหักกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 41.60 ล้านบาท
ทำให้มีผลกำไรสุทธิจำนวน 221.22 ล้านบาท ลดลงจากปี 2548 จำนวน 23.89 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.75
จากผลกำไรสุทธิที่ปรากฏในงบกำไรขาดทุนสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ประกอบด้วยรายการดังนี้
1. รายได้จากการขายและการให้บริการ
กลุ่มโรงแรมที่อยู่ภายใต้ดุสิต และ กลุ่มโรงแรมที่อยู่ภายใต้รอยัล ปริ๊นเซส
มีรายได้จากการขายและการให้บริการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 273.37 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.61
บริษัทและบริษัทย่อยได้ใช้งบประมาณจำนวนมาก ในการปรับปรุงตกแต่งโรงแรมให้ทันสมัย
และเพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย เช่นการจัดให้มี Executive Club Lounge ห้องพักสำหรับนักธุรกิจ
รวมทั้งการให้บริการด้านอินเตอร์เน็ท และห้องสัมมนา เพื่อรองรับกลุ่มนักธุรกิจ
ส่งผลให้โรงแรมสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับโรงแรมดีทู เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงแรมแนวใหม่ของเครือดุสิตธานี
อยู่ภายใต้บริษัท ดุสิตโฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด ได้เปิดดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการในเดือน พฤศจิกายน 2548
และเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในเดือน พฤศจิกายน 2549 ทำให้รายได้จากโรงแรมดีทู เชียงใหม่เพิ่มขึ้น
จากปีก่อนจำนวน 78.30 ล้านบาท
กลุ่มโรงแรมที่อยู่ภายใต้บริษัท มีรายได้เพิ่มขึ้น 187.15 ล้านบาท ประกอบด้วย
โรงแรมดุสิตธานี สามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น 107.70 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.89
โรงแรมดุสิต รีสอร์ท พัทยา มีรายได้ เพิ่มขึ้น จำนวน 47.40 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.20
โรงแรมดุสิต รีสอร์ท หัวหิน มีรายได้เพิ่มขึ้น จำนวน 34.67 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.27
อาคารพาณิชย์ดุสิตธานี มีรายได้ลดลง จำนวน 2.62 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.03 สืบเนื่องจากปี 2548
มีการปรับปรุงตกแต่งอาคาร และมีการจัดผังการให้เช่าภายในอาคารใหม่ โดยจัดพื้นที่ให้เช่า แต่ละห้องมีพื้นที่มากขึ้น
มีผลทำให้รายได้ลดลง
กลุ่มโรงแรมที่อยู่ภายใต้บริษัทย่อย ส่วนใหญ่มีรายได้เพิ่มขึ้น ยกเว้นโรงแรมดุสิตนิกโก้ มะนิลา และ กิจการสปา
ประกอบด้วยรายละเอียดดังนี้
โรงแรมดุสิต นิกโก้ มะนิลา เมื่อเดือนกรกฎาคม 2549 มีการปรับปรุงตกแต่งโรงแรม
มีผลทำให้มีรายได้ลดลง จำนวน 19.10 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.41
โรงแรมในกลุ่มรอยัล ปริ๊นเซส ประกอบด้วยโรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส
ศรีนครินทร์ โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส เชียงใหม่ และโรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส โคราช ในปี 2549
มีรายได้เพิ่มขึ้นจำนวน 28.06 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.65
โรงแรมดีทู เชียงใหม่ อยู่ภายใต้บริษัท ดุสิตโฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด ซึ่งเป็นโรงแรมแบรนด์ใหม่
ของเครือดุสิตธานี เป็นโรงแรมระดับ 5 ดาว ขนาดโรงแรมและจำนวนห้องพักจะน้อยกว่าโรงแรมในกลุ่มดุสิตธานี
แต่จะมีความทันสมัย และให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้าด้วยการให้บริการในรูปแบบใหม่ ได้เปิดดำเนินการ
อย่างไม่เป็นทางการในเดือน พฤศจิกายน 2548 และเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการในเดือน พฤศจิกายน 2549
ทำให้ปี 2549 มีรายได้เพิ่มขึ้นจำนวน 78.30 ล้านบาท
เทวารัณย์ สปา ประกอบธุรกิจบริการสถานสุขภาพ โดยใช้ชื่อเทวารัณย์ สปา ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นสปาชั้นนำ
และได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบันมี 4 แห่ง คือ กรุงเทพ พัทยา ชะอำ/หัวหิน
และล่าสุดที่ เชียงใหม่
ในปี 2549 บริษัทมีรายได้จากกิจการสปาลดลง 1.63 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.21 เนื่องจากในปี 2549
เทวารัณย์ สปา กรุงเทพ ได้มีการปิดห้องปรับปรุงงานระบบเป็นส่วนๆ และมีตลาดการแข่งขันสูง
ทำให้ลูกค้ามีทางเลือก ทำให้กิจการสปามีรายได้ลดลง
นอกจากนี้ยังมีบริษัทย่อย คือบริษัท ดุสิต เพื่อพัฒนาผู้บริหาร จำกัด ประกอบกิจการฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร
ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญต่อธุรกิจการบริการ โดยบริษัทได้ตั้งบริษัทฝึกอบรมเพื่อดำเนินการจัดฝึกอบรม
ให้กับพนักงานในกลุ่มบริษัทและบริษัทย่อย และบุคคลทั่วไป มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2548 จำนวน 0.58 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 44.08
2. รายได้ค่าบริหารโรงแรม
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้ค่าบริหารโรงแรมเพิ่มขึ้นจากปี 2548 จำนวน 9.54 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
7.88 เนื่องจากรายได้ของโรงแรมกลุ่มดุสิตและรอยัล ปริ๊นเซสที่บริษัทและบริษัทย่อยเข้ารับบริหารโดยรวมดีขึ้น
3. เงินชดเชยจากการยกเลิกสัญญา
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 บมจ. รอยัลปริ๊นเซส ซึ่งเป็นบริษัทย่อยและคู่สัญญาผู้ว่าจ้างได้ตกลง
ร่วมกันในการยกเลิกสัญญาจ้างบริหารโรงแรม ก่อนครบกำหนด และทำสัญญาให้สิทธิดำเนินกิจการโรงแรมภายใต้ชื่อ
?รอยัล ปริ๊นเซส? สัญญาให้สิทธินี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2549 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2556 โดยบริษัทย่อย
จะได้รับค่าสมาชิกจากการให้ใช้สิทธิตามอัตราที่ระบุในสัญญา อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าจ้างตกลงชำระเงินชดเชย
จากการยกเลิกสัญญาจ้างบริหารโรงแรมจำนวน 113.28 ล้านบาท ให้แก่ บมจ. รอยัลปริ๊นเซส ทำให้งบกำไรขาดทุน
ในปี 2549 มีรายได้ดังกล่าวปรากฏอยู่ ซึ่งรายได้ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการดำเนินการตามปกติของบริษัท
4. ดอกเบี้ยรับ
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยรับในปี 2549 จำนวน 16.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 13.54
ล้านบาท เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยมีผลประกอบการดีขึ้น และใช้เงินในการปรับปรุงตกแต่งโรงแรม ลดลง
ทำให้เหลือเงินฝากธนาคารเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยรับจึงเพิ่มขึ้น
5. ต้นทุนขายและการให้บริการ
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขายและการให้บริการ จำนวน 1,468.81
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51.56 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกับปีก่อน
ที่มีต้นทุนขายและการให้บริการจำนวน 1,351.65 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 52.48
ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
6. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 798.67
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.78 ของรายได้รวม ส่วนปีก่อนมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 731.66
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25.89 ของรายได้รวม ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารสำหรับปี 2549
เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 67.01 ล้านบาท
สาเหตุใหญ่เกิดจากโรงแรมดุสิต รีสอร์ท พัทยา ได้ต่อสัญญาเช่าที่ดินเมื่อเดือนมกราคม 2549
ซึ่งมีการปรับอัตราค่าเช่าที่ดินใหม่ ทำให้มีค่าเช่าที่ดินปี 2549 เพิ่มขึ้นจำนวน 17.17 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสำนักงาน
ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับ อิมิเรสต์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในภูมิภาคดังกล่าวเพิ่มขึ้นจำนวน 6.55 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายและการตลาดในต่างประเทศ และอื่นๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 43.29 ล้านบาท
เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคตของบริษัทและบริษัทย่อย
7. ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
ต้นปี 2549 การปรับปรุงตกแต่งโรงแรมในกลุ่มดุสิตส่วนใหญ่เสร็จสิ้นแล้ว กลุ่มรอยัล ปริ๊นเซส แล้วเสร็จ
บางส่วน และโรงแรมดีทู เชียงใหม่ เปิดดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการในปลายปี 2548 จึงเริ่มทยอย
คำนวณค่าเสื่อมราคา ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าเสื่อมราคาสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 จำนวน
475.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 113.64 ล้านบาทคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.41
8. ดอกเบี้ยจ่าย
สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 81.62 ล้านบาทเพิ่มขึ้น
จากปีก่อนจำนวน 61.88 ล้านบาท รายการดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยจ่ายให้สถาบันการเงิน สำหรับเงินกู้ยืมที่บริษัท
และบริษัทย่อยกู้ยืมมา เพื่อปรับปรุงตกแต่งโรงแรม
งบดุล
สินทรัพย์รวมของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 มีจำนวน 6,338.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 จำนวน 706.58 ล้านบาท ในขณะเดียวกันด้านหนี้สินได้มีการกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้น
ทำให้มีหนี้สินรวม จำนวน 2,233.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 จำนวน 454.35 ล้านบาท
คำนวณอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นได้ 0.58 ต่อ 1 นอกจากนี้บริษัทยังมีกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรจำนวน 922.66
ล้านบาท และมีมูลค่าตามบัญชี (Book Value) เท่ากับ 46.68 บาทต่อหุ้น
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(สินี เธียรประสิทธิ์)
กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ