11 August 2006
รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2549 เปรียบเทียบปี 2548
วันที่ 11 สิงหาคม 2549
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2549
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2548
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสและงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30
มิถุนายน 2549 เปรียบเทียบกับไตรมาสและงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2548 ที่ปรากฏในงบกำไรขาดทุนรวม
ดังนี้
สำหรับไตรมาส สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้จำนวน 11.6
ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 7.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 175.4 เมื่อหักดอกเบี้ยจ่ายและ
ภาษีเงินได้จำนวน 29.2 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนหลังหักภาษีเงินได้จำนวน 17.6 ล้านบาท เมื่อหักกำไรสุทธิ
ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 4.4 ล้านบาท ทำให้มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 22.0 ล้านบาท กำไรสุทธิลดลง
จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 24.3 ล้านบาท
สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้จำนวน
220.4 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 23.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.7 เมื่อหักดอกเบี้ยจ่าย
และภาษีเงินได้จำนวน 97.1 ล้านบาท คงเหลือกำไรหลังหักภาษีเงินได้จำนวน 123.3 ล้านบาท เมื่อหักกำไรสุทธิ
ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 12.9 ล้านบาท ทำให้มีผลกำไรสุทธิจำนวน 110.4 ล้านบาท ลดลง
จากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 23.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17.4 เนื่องจาก
1. รายได้จากการขายและการให้บริการ
กลุ่มโรงแรมที่อยู่ภายใต้ดุสิต และ กลุ่มโรงแรมที่อยู่ภายใต้รอยัล ปริ๊นเซส มีรายได้จากการขายและ
การให้บริการเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 43.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7.7 และเพิ่มขึ้นจาก
งวดหกเดือนของปี 2548 จำนวน 161.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.7 หลังจากปรับปรุงห้องพัก ห้องอาหาร
ห้องจัดเลี้ยง ห้องสัมมนา ส่งผลให้โรงแรมสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้น และโรงแรมดีทู เชียงใหม่
โรงแรมแนวใหม่ของเครือดุสิตธานี ซึ่งเป็นโรงแรมที่อยู่ภายใต้บริษัท ดุสิตโฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด
เริ่มเปิดดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการในเดือน พฤศจิกายน 2548 มีรายได้ในไตรมาสนี้ จำนวน 11.4 ล้านบาท
และในงวดหกเดือนของปี 2549 จำนวน 26.2 ล้านบาท
2. รายได้ค่าบริหารโรงแรม
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้ค่าบริหารโรงแรมเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 9.6 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 45.5 และเพิ่มขึ้นจากงวดหกเดือนของปี 2548 จำนวน 18.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32.4
เนื่องจากรายได้ของโรงแรมกลุ่มดุสิตและรอยัล ปริ๊นเซสที่บริษัทและบริษัทย่อยเข้ารับบริหารโดยรวมดีขึ้น
3. ต้นทุนขายและการให้บริการ
สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขายและการให้บริการ จำนวน
342.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 55.9 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกับ
งวดเดียวกันของปี 2548 ที่มีต้นทุนขายและการให้บริการจำนวน 315.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 55.4
ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขายและการให้บริการ จำนวน
713.4 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 49.9 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ซึ่งมีสัดส่วนใกล้เคียงกับ
งวดเดียวกันของปี 2548 ที่มีต้นทุนขายและการให้บริการจำนวน 639.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 50.4
ของรายได้จากการขายและการให้บริการ
4. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
สำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน
192.2 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 28.6 ของรายได้รวม ส่วนงวดเดียวกันของปี 2548 มีค่าใช้จ่ายในการขาย
และบริหารจำนวน 201.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 32.9 ของรายได้รวม ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร
สำหรับไตรมาสนี้ ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2548 จำนวน 9.1 ล้านบาท เนื่องจากงวดเดียวกันของ ปี 2548
บริษัทมีรายจ่ายภาษีเงินได้จากการที่กรมสรรพากรประเมินภาษีเงินได้ของปี 2543 ปี 2544 และปี 2545 จำนวน
25.90 ล้านบาท
สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน
382.0 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.5 ของรายได้รวม ส่วนงวดเดียวกันของปี 2548 มีค่าใช้จ่ายในการขาย
และบริหารจำนวน 356.7 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 26.1 ของรายได้รวม ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร
สำหรับงวดหกเดือนนี้ เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2548 จำนวน 25.3 ล้านบาท
สาเหตุใหญ่เกิดจากโรงแรมดุสิต รีสอร์ท พัทยา ได้ต่อสัญญาเช่าที่ดินเมื่อเดือนมกราคม 2549 ซึ่งมีการปรับ
อัตราค่าเช่าที่ดินใหม่ ทำให้มีค่าเช่าที่ดินในงวดหกเดือนเพิ่มขึ้นจำนวน 8.4 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายสำนักงานที่ดูไบ
สหรัฐอาหรับ อิมิเรสต์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในภูมิภาคดังกล่าวจำนวน 4.7 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายใน
การส่งเสริมการขายและการตลาดในต่างประเทศ และอื่นๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 31.1 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัว
ในอนาคตของบริษัทและบริษัทย่อย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของโรงแรมดีทู จำนวน 14.5 ล้านบาท
5. ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
ต้นปี 2549 การปรับปรุงตกแต่งโรงแรมในกลุ่มดุสิตส่วนใหญ่เสร็จสิ้นแล้ว กลุ่มรอยัล ปริ๊นเซส แล้วเสร็จ
บางส่วน และโรงแรมดีทู เชียงใหม่ เปิดดำเนินการอย่างไม่เป็นทางการในปลายปี 2548 จึงเริ่มทยอยตัด
ค่าเสื่อมราคา ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าเสื่อมราคาสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 จำนวน
239.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 71.4 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.6
6. ดอกเบี้ยจ่าย
สำหรับงวดหก เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทและบริษัทย่อยมีดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 34.3 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 28.7 ล้านบาท รายการดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยจ่ายให้สถาบันการเงิน
สำหรับเงินกู้ยืมเงินที่บริษัทและบริษัทย่อยกู้ยืมมา เพื่อปรับปรุงตกแต่งโรงแรม
งบดุล
สินทรัพย์รวมของบริษัทและบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 มีจำนวน 5,917.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 จำนวน 285.6 ล้านบาท ในขณะเดียวกันด้านหนี้สินได้มีการกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้นทำให้มี
หนี้สินรวมเพิ่มขึ้น 246.3 ล้านบาท คำนวณอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นได้ 0.56 ต่อ 1 นอกจากนี้บริษัท
ยังมีกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรจำนวน 757.7 ล้านบาท เมื่อหักหุ้นสามัญซื้อคืนจำนวน 131.6 ล้านบาท
บริษัทยังคงเหลือกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรจำนวน 626.1 ล้านบาท และมีมูลค่าตามบัญชี (Book Value) เท่ากับ
44.37 บาทต่อหุ้น
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(คุณสินี เธียรประสิทธิ์)
กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ