02 March 2005
รายงานผลการดำเนินงาน ปี 2547 เปรียบเทียบปี 2546
1 มีนาคม 2548
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2547
เปรียบเทียบผลการดำเนินงานสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2546
เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ขอรายงานผลการดำเนินงานปี 2547 เปรียบเทียบกับ
ปี 2546 ที่ปรากฏในงบกำไรขาดทุนรวม ดังนี้
1. ผลการดำเนินงานของบริษัทในงบการเงินรวม
ปี 2547 บริษัทมีผลกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้จำนวน 443 ล้านบาท
เปรียบเทียบกับปีก่อนเพิ่มขึ้นจำนวน 29 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7 แต่มีกำไรหลังหักดอกเบี้ยจ่าย
และภาษีเงินได้จำนวน 310 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 25 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7 เนื่องจากมี
ภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นจำนวน 68 ล้านบาท เมื่อหักกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน
108 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวนดังกล่าวมีกำไรจากการปรับปรุงโครงสร้าง
หนี้ของบริษัทย่อยคือบ.โคราชธานีที่เป็นรายการพิเศษรวมอยู่จำนวน 73 ล้านบาท ทำให้งบ
การเงินรวมของบริษัทมีกำไรก่อนรายการพิเศษจำนวน 201 ล้านบาท แต่เมื่อรวมกับรายการพิเศษที่
เกิดจากกำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของบริษัทย่อยคือบริษัทโคราชธานีในปี 2547 จำนวน
364 ล้านบาท จึงมีผลทำให้มีกำไรสุทธิจำนวน 565 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 6.93 บาทต่อหุ้น
2.รายได้กิจการ
ปี 2547 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จำนวน 2,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของ
ปีก่อนจำนวน 324 ล้านบาท(ปี 2546 จำนวน 2,253 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ14 เนื่องจากกิจการ
โรงแรมที่อยู่ภายใต้บริษัทและบริษัทย่อยมีผลประกอบการดีขึ้นดังนี้
โรงแรมดุสิตธานี หลังจากการปรับปรุงตกแต่งห้องพัก และห้องอาหาร เช่นห้องพักตึก
East Wing ห้องอาหารอิตาเลียน il cielo ห้องอาหารฝรั่งเศส D?Sens ห้องบาร์ MyBar ที่ปรับปรุง
เสร็จเรียบร้อย และห้องพักตึก Main Tower ที่ปรับปรุงแล้วเสร็จร้อยละ 70 และยังได้ปรับเปลี่ยน
พื้นที่ที่เคยเป็นร้านค้าให้เช่าเป็นห้องประชุมขนาดเล็ก 6 ห้อง สำหรับให้บริการการจัดประชุมย่อย
เพื่อรองรับกลุ่มนักธุรกิจ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า จากผลการปรับปรุงโรงแรม
ถึงแม้จะยังไม่แล้วเสร็จทั้งหมดทำให้ในปี 2547 โรงแรมดุสิตธานีมีรายได้จำนวน 617 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น จำนวน 117 ล้านบาท (ปี 2546 มีรายได้จำนวน 500 ล้านบาท) คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 23
โรงแรมดุสิตรีสอร์ท พัทยา ได้ปรับปรุงโรงแรมอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2544 เพื่อรักษา
มาตราฐานระดับ 5 ดาว รวมทั้งการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง และการรักษามาตราฐานการ
ให้บริการ ทำให้ในปี 2547 มีรายได้จำนวน 382 ล้านบาท (ปี 2546มีรายได้ จำนวน 342 ล้านบาท)
เพิ่มขึ้นจำนวน 40 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 11
โรงแรมดุสิตรีสอร์ท และ โปโลคลับ เป็นสมาชิกของ Leading Hotel of the World ได้
ปรับปรุงตกแต่งอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อรักษาระดับมาตราฐานที่ Leading Hotel of the
World ยอมรับ จากนโยบายการตลาดของในกลุ่ม และการคงไว้ในมาตราฐานการให้บริการ
ทำให้โรงแรมดุสิตรีสอร์ทและโปโลคลับ ถึงแม้จะมีโรงแรมที่เป็นคู่แข่งที่เป็นเครือต่างประเทศ
เกิดขึ้นหลายแห่ง แต่โรงแรมก็ยังสามารถสร้างรายได้ในปี 2547 จำนวน 275 ล้านบาท (ปี 2546 มี
รายได้จำนวน 263 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจำนวน 12 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 4
โรงแรมดุสิตนิกโก้ มะนิลา หลังจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ และการตลาดทำให้ในปี 2547
โรงแรมมีรายได้จำนวน 522 ล้านบาท (ปี 2546 มีรายได้ 434 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจำนวน 88 ล้านบาท
คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 20
โรงแรมในกลุ่มรอยัล ปริ๊นเซส ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ประกอบด้วยโรงแรมรอยัลปริ๊นเซส
หลานหลวง โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ และโรงแรมรอยัลปริ๊นเซส เชียงใหม่ มีรายได้ใน
ปี 2547 จำนวน 501 ล้านบาท (ปี 2546 มีรายได้จำนวน 435 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจำนวน 66 ล้านบาท
คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 15
รายได้ค่าบริหารโรงแรม บริษัทมีรายได้ค่าบริหารในปี 2547 จำนวน 118 ล้านบาท
( ปี 2546 มีรายได้จำนวน 80 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 38 ล้านบาทคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ
47 เนื่องจากผลการดำเนินงานของโรงแรมกลุ่มดุสิตและรอยัลปริ๊นเซสที่บริษัทเข้ารับบริหาร
โดยรวมดีขึ้นโดยเฉพาะโรงแรมดุสิตดูไบ ประเทศสาธารณรัฐอาหรับอมิเรต มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปี
ก่อนจำนวน 38 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 46 และกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 205
ถึงแม้จะเลิกรับบริหารโรงแรมดุสิตรีสอร์ท สันติบุรี เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2547
รายได้จากเทวารัณย์สปา บริษัทมีรายได้จากกิจการสปา จำนวน 57 ล้านบาท (ปี 2546
มีรายได้จำนวน 44 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจำนวน 13 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29
อาคารพาณิชย์ บริษัทมีรายได้จากกิจการอาคารพาณิชย์จำนวน 29 ล้านบาท (ปี 2546 มี
รายได้จำนวน 29 ล้านบาท)
รายได้อื่นๆ บริษัทมีรายได้อื่นๆ จำนวน 76 ล้านบาท (ปี 2546 มีจำนวน 126 ล้านบาท)
ลดลงจำนวน 50 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเกิดจากการเลิกกิจการห้องอาหารนอกโรงแรม 2 แห่ง
3.ต้นทุนขายและการให้บริการ
ปี 2547 บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนขายและการให้บริการ จำนวน 1,254 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 53 ของรายได้จากการขายและการให้บริการ ซึ่งใกล้เคียงกับปี 2546 ที่มีต้นทุนขาย
และการให้บริการจำนวน 1,105 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 54
4.ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
ปี 2547 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 588 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 22 ของรายได้รวม ส่วนในปี 2546 มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 483 ล้าน
บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในจำนวนดังกล่าวมีกำไรจากการขายที่ดินรวมอยู่จำนวน 13 ล้านบาท เมื่อบวก
รายการดังกล่าวกลับจึงทำให้ในปี 2546 มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 496 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 22 ของรายได้รวม ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารของปี 2547 ที่เพิ่มมาก
ขึ้นกว่าปี 2546 จำนวน 92 ล้านบาท ได้แก่
1. ค่าเช่าที่ดินโรงแรมดุสิตธานี ที่ได้ต่อสัญญาเช่ากับสำนักงานทรัพย์สินส่วน
พระมหากษัตริย์ 15 ปีนับจากวันที่ 1 เมษายน 2546 โดยเสียค่าเช่าล่วงหน้าจำนวน 1,000 ล้านบาท
โดยในปี 2546 รับรู้ค่าเช่าเป็นค่าใช้จ่ายในอัตราใหม่เพียง 9 เดือน ส่วนในปี 2547 ได้รับรู้ค่าเช่าใน
อัตราใหม่เต็มปี ทำให้ในปี 2547 มีค่าเช่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 16 ล้านบาท
2. ค่าภาษีโรงเรือน เนื่องจากสำนักงานเขตได้เปลี่ยนแปลงวิธีคิดภาษีโรงเรือนใหม่ซึ่ง
แตกต่างจากเดิม โดยปี 2547 ใช้ฐานจากค่าเช่าที่จ่ายให้สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ล่วงหน้า โดยเฉลี่ยเป็นค่าเช่ารายปีเป็นฐานภาษี ทำให้ภาษีโรงเรือนเพิ่มขึ้นจำนวน 8 ล้านบาท
3. ค่าความนิยม เกิดจากการซื้อหุ้นบริษัทโคราชธานี จำกัด จากผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน
7 ล้านบาท
4. ค่าส่งเสริมการขาย และการตลาด เพิ่มขึ้นจำนวน 25 ล้านบาท
5. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของบริษัทและบริษัทย่อย
เพิ่มขึ้นจำนวน 36 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการปรับเงินเดือนพนักงานประจำปี นอกจากนี้ได้ว่าจ้าง
พนักงานและฝ่ายบริหารในตำแหน่งที่ว่างเพิ่มขึ้น เพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย
เนื่องจากในปี 2547 การปรับปรุงตกแต่งโรงแรมดุสิตธานีครั้งใหญ่ และโรงแรมอื่นๆ แล้ว
เสร็จบางส่วน จึงเริ่มทยอยตัดค่าเสื่อมราคา ทำให้บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าเสื่อมราคาจำนวน 288
ล้านบาท (ในปี 2546 มีจำนวน 246 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจำนวน 42 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 17
6.กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้
จากผลกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้จำนวน 443 ล้านบาทจำแนกเป็นกำไรในแต่ละ
ส่วนดังนี้
- โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ขาดทุนก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้จำนวน 9 ล้านบาท
(ปี 2546 มีกำไรจำนวน 39 ล้านบาท)
- โรงแรมดุสิตรีสอร์ท พัทยา มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้จำนวน 139 ล้านบาท
(ปี 2546 มีกำไรจำนวน 127 ล้านบาท)
- โรงแรมดุสิตรีสอร์ท และโปโลคลับ มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้จำนวน 77
ล้านบาท (ปี 2546 มีกำไรจำนวน 77 ล้านบาท)
- Dusit Hotel Nikko Manila มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้จำนวน 74 ล้านบาท
(ปี 2546 มีกำไรจำนวน 25 ล้านบาท)
- โรงแรมกลุ่มรอยัล ปริ๊นเซส มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินในปี 2547 จำนวน 151
ล้านบาท (ปี 2546 มีกำไรจำนวน 112 ล้านบาท)
- เทวารัณย์สปา มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินในปี 2547 จำนวน 27 ล้านบาท
(ปี 2546 มีกำไรจำนวน 18 ล้านบาท)
- ห้องอาหารนอกโรงแรม มีผลขาดทุนจำนวน 7 ล้านบาท (ปี 2546 มีกำไรจำนวน 5 ล้าน
บาท)
- อื่นๆ มีผลขาดทุนจำนวน 9 ล้านบาท (ปี 2546 มีกำไรจำนวน 11 ล้านบาท)
7.ดอกเบี้ยจ่าย ในปี 2547 บริษัทมีดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 50 ล้านบาทส่วนใหญ่เกิดจาก
ดอกเบี้ยจ่ายของ บ.โคราชธานี
8. ภาษีเงินได้
ปี 2547 บริษัทและบริษัทย่อยมีภาษีเงินได้จำนวน 82 ล้านบาท แบ่งเป็น
- บมจ.ดุสิตธานี จำนวน 24 ล้านบาท
- บ.ดุสิตธานีอินเตอร์เนชั่นแนล จำนวน 24 ล้านบาท
- บ.ดุสิตโฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท จำนวน 18 ล้านบาท
- Philippine Hoteliers, Inc. จำนวน 13 ล้านบาท
- บ.เทวารัณย์สปา จำนวน 3 ล้านบาท
ปี 2546 มีภาษีเงินได้จำนวน 14 ล้านบาท แบ่งเป็น
- บมจ.รอยัล ปริ๊นเซส จำนวน 2 ล้านบาท
- บ.ดุสิตธานี อินเตอร์เนชั่นแนล จำนวน 6 ล้านบาท
- บ.ดุสิตโฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท จำนวน 17 ล้านบาท
- Philippine Hoteliers, Inc. จำนวน (12) ล้านบาท
- บ.เทวารัณย์สปา จำนวน 1 ล้านบาท
ภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 68 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทและบริษัทย่อยได้ใช้ผลขาดทุน
ทางภาษีเงินได้หมดในปี 2546 แล้ว ดังนั้นในปี 2547 จึงต้องเสียภาษีเงินได้เต็มจำนวน ยกเว้น
บมจ.รอยัลปริ๊นเซสที่ในปี 2547 ที่ยังไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ เนื่องจากในปี 2547 มีผลขาดทุนจากการ
ลดหนี้ให้บริษัท โคราชธานี จำกัด จำนวน 250 ล้านบาท
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(คุณสินี เธียรประสิทธิ์)
กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ